NOK ไม่มี “พาที” ดูดีไปหมด?

งบงวดสิ้นปีของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ที่ยังคงแสดงตัวเลข "เลือดไหลไม่หยุด" ต่อไป ตัวเลขขาดทุนสุทธิ 1,854.29 ล้านบาท ของงบเฉพาะกิจการเฉพาะบริษัทใหญ่และย่อยรวม 1,899.67 ล้านบาท แม้เทียบกับตัวเลขปีก่อน 2,795.08 ล้านบาทจะดูดีขึ้น แต่ตัวเลขส่วนของผู้ถือหุ้นที่เหลือเพียง 1,315 ล้านบาท ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน (หลังจากการเพิ่มทุนหนีตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง ได้เงินสดมามากถึง 2,930.4 ล้านบาท) ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ปลอดภัยอะไรเลย ยิ่งค่า ดี/อี ที่สูงมากกว่า 4.5 เท่า เพราะยอดหนี้จากทั้งเจ้าหนี้การค้าและอื่นๆ เพิ่มขึ้น 4% ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าชื่นใจอะไรนักหนา


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

งบงวดสิ้นปีของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ที่ยังคงแสดงตัวเลข “เลือดไหลไม่หยุด” ต่อไป ตัวเลขขาดทุนสุทธิ 1,854.29 ล้านบาท ของงบเฉพาะกิจการเฉพาะบริษัทใหญ่และย่อยรวม 1,899.67 ล้านบาท แม้เทียบกับตัวเลขปีก่อน 2,795.08 ล้านบาทจะดูดีขึ้น แต่ตัวเลขส่วนของผู้ถือหุ้นที่เหลือเพียง 1,315 ล้านบาท ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน (หลังจากการเพิ่มทุนหนีตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง ได้เงินสดมามากถึง 2,930.4 ล้านบาท) ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ปลอดภัยอะไรเลย ยิ่งค่า ดี/อี ที่สูงมากกว่า 4.5 เท่า เพราะยอดหนี้จากทั้งเจ้าหนี้การค้าและอื่นๆ เพิ่มขึ้น 4% ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าชื่นใจอะไรนักหนา

ฐานะการเงินของ NOK ที่ต้องแข่งขันกันอีกยาวนานกับคู่แข่งในธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์ที่เหนือกว่า ยิ่งทำให้…คำพูดที่ว่า “พอไม่มีพาที (สารสิน) อะไรก็ดูดีไปหมด” ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ตัวเลขจากหมายเหตุผู้บริหารที่แจ้งว่า ปี 2561 NOK และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 20,376.71 ล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มเส้นทางบินแบบเช่าเหมาลำมากขึ้น แต่ก็ยังมีตัวเลขขาดทุนจากการที่ต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ค่าโดยสารและค่าบริการ แต่ต้นทุนค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แม้ค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินทั้งหมดที่มีอยู่แค่ 30 ลำลดลง

ที่สำคัญแม้ผู้บริหารจะอ้างว่าหนึ่งในการลดต้นทุนที่สำคัญ คือ การ “ยกเลิกการโหลดสัมภาระฟรี 15 กิโลกรัม” สำหรับผู้โดยสารบางประเภท…เพื่อหาทางเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บสัมภาระ ….กลับทำให้เสน่ห์ทางการตลาดของสายการบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ยิ่งกว่านั้น การลดจำนวนเครื่องบินลงถึง 4 ลำตามแผนฟื้นฟูธุรกิจ โดยมีเข้ามาทดแทนแค่ 2 ลำ…..แม้ว่าจะมีฝูงบินของนกสกู๊ตเข้ามาเพิ่มจำนวนให้ 1 ลำ ก็ยังกลับทำให้โอกาสในการแข่งขันลดลงไปด้วย ไม่ใช่เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการในยามที่คู่แข่งพากันเพิ่มจำนวนเครื่องกันอย่างเอิกเกริก…ยังต้องเหนื่อยกันอีกนาน

อาการป่วยที่เคยทำให้ “พะงาบๆ ในห้องไอซียู” เมื่อกลางปี 2560 ของ NOK แต่สามารถเพิ่มทุนจนอาการป่วยดีขึ้น ออกมาพักฟื้นในห้องผู้ป่วยปกติ…ไม่อาจจะถือได้ว่าไร้กังวล

ล่าสุด การทิ้งเก้าอี้กะทันหันของนายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการที่เข้ามารับตำแหน่งนี้ในเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2560 นี้เอง …ขนาดประธานนั่งเก้าอี้ได้แค่ 6 เดือน ยังเผ่น แล้วคนอื่นจะอยู่ยังไง

ตัวเลขที่หมิ่นเหม่ทางการเงิน…ขาดทุนปี 2561 ได้อีกไม่เกิน 1,300 ล้านบาท เพราะหากขาดทุนเท่านั้น หรือเกินนั้น จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกรอบ…. กลายเป็นโจทย์ที่ผู้บริหารและคณะกรรมการต้องหาทางแก้โจทย์ที่ท้าทายสำหรับ NOK ให้ด่วนที่สุด ก่อนสายเกินแก้ว่า ความสามารถในการแข่งขันย่ำแย่ลง แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดดเด่น….สวนทางกับกำไรสุทธิ (ไม่นับปัญหาเรื่องความล่าช้าในการเดินทางของเที่ยวบิน และการลดบริการบางชนิดที่จุกจิกน่ารำคาญและทำลายจุดขาย) จะดีขึ้นได้อย่างไร

ภาวะ “ขาดทุนยั่งยืน” ของ NOK ที่อาจจะทำให้ต้องเพิ่มทุนรอบใหม่ให้กับพันธมิตรต่างประเทศที่หวังว่าจะช่วยให้สายการบินมีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันกับรายอื่นได้…ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน

ยามนี้ไม่มีใครหน้าไหนกล้าชำเลืองดูมูลค่าทางบัญชี หรือ บุ๊คแวลู ของ NOK กันแล้ว…ก็มันสุดสยองน่ะสิ

อิ อิ อิ

 

 

Back to top button