MCOT กำไรวูบหนัก

ในเมื่อ “ทีวีดิจิตอล” กลายเป็นคู่แข่งที่เข้ามาแย่งเม็ดเงินโฆษณาจากพวกฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ,5 ,7 และ 9 ย่อมทำให้คนทั่วไปรับรู้ถึงความเสี่ยงในการเข้าลงทุนหุ้นตัวนี้ อาจารย์ถึงอยากให้นักลงทุนตระหนักถึง “ผลดี” และ “ผลเสีย” หากจะเข้าลงทุนในหุ้นตัวนี้


สภาแมงเม่า: ดร.สมชาย

 

คุณปฐมพล จากรามคำแหง 24 กรุงเทพฯ พูดถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1 ปี 58 ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่นึกไม่ถึงว่า MCOT หรือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จะกลายเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการย่ำแย่สุดๆ จนมองไม่เห็นโอกาสกลับมาทำกำไรอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

และถ้าดูในมุมของความน่าผิดหวังยิ่งทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นหุ้นอันตรายที่นักเล่นควรตัดขายขาทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการเกิดขึ้นของ “ทีวีดิจิตอล” ทำให้เม็ดโฆษณาถูกกระจายออกไปยังช่องต่างๆ มากขึ้น ผมถึงอยากให้อาจารย์ช่วยเตือนเหล่านักเล่นให้ถอยห่างจากหุ้นตัวนี้ในทันที เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทแย่ลงเรื่อยๆ นะครับ

 

ถ้าพูดแบบนักเลงๆ อาจารย์คงต้องพูดว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวอาจารย์ เพราะเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องหัดวิเคราะห์กันเอาเอง แต่ในเมื่อขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่สรุปเรื่องราวต่างๆ ให้นักลงทุนได้รับรู้ รับฟัง ก็ต้องบรรยายสรุปให้ฟังอย่างละเอียด เพื่อทำให้นักลงทุนมองเห็นความเป็นมาเป็นไปของหุ้นตัวนี้ได้ชัดเจนขึ้น

โดยข้อมูลที่ตัวอาจารย์ชอบนำมาประกอบการอธิบายก็คือ ผลประกอบการในอดีต กับ ผลประกอบการในปัจจุบัน มีพัฒนาการไปใน “ทางที่ดีขึ้น” หรือ “ทางที่แย่ลง” ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตัวอาจารย์ใช้สรุปให้นักลงทุนได้อ่านเป็นประจำ เพราะเชื่อมั่นในเรื่องไซเคิลของธุรกิจมักมาเป็นรอบๆ

ที่สำคัญคือ ข้อมูลด้านล่างยังบอกให้รู้ว่า MCOT ผ่านจุดพีคในการทำธุรกิจมาแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงถดถอยอย่างเต็มตัว

 

  ปี 54 ปี 55 ปี 56 ปี 57 ไตรมาส 1 ปี 58
รายได้รวม 5,312.71 5,947.45 5,984.77 4,455.38 887.87
กำไรสุทธิ 1,356.41 1,758.87 1,526.93 503.79 27.34
กำไรต่อหุ้น (บาท) 1.97 2.56 2.22 0.73 0.04

(หน่วย:ล้านบาท)

 

ตรงจุดนี้แหล่ะที่นักลงทุนต้องวิเคราะห์กันให้ดีว่า การถดถอยของบริษัทจะกินเวลานานแค่ไหน?

เนื่องไม่มีใครรู้ว่า MCOT จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งได้เมื่อไหร่?

ในเมื่อ “ทีวีดิจิตอล” กลายเป็นคู่แข่งที่เข้ามาแย่งเม็ดเงินโฆษณาจากพวกฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ,5 ,7 และ 9 ย่อมทำให้คนทั่วไปรับรู้ถึงความเสี่ยงในการเข้าลงทุนหุ้นตัวนี้ อาจารย์ถึงอยากให้นักลงทุนตระหนักถึง “ผลดี” และ “ผลเสีย” หากจะเข้าลงทุนในหุ้นตัวนี้

ประกอบกับเมื่อดูกราฟราคาหุ้นเพื่อใช้เป็นตัวแปรในการตัดสินใจซื้อหุ้นจะเห็นว่า ราคาหุ้นโค้งตัวลงมาเป็นปี และมีโอกาสอ่อนตัวลงไปเรื่อยๆ แล้วจะมีเหตุผลไหนที่อาจารย์ต้องจดจำหุ้นตัวนี้อีกหล่ะครับ

 

Back to top button