คัด 5 หุ้นบลูชิพกำไรปี 60 เกินคาด พ่วงปันผลถูกใจผู้ถือหุ้น

คัด 5 หุ้นบลูชิพประกาศกำไรปี 60 สูงเกินคาด พ่วงปันผลถูกใจผู้ถือหุ้น


เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2560 โดยที่ผ่านมาหลายบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต่างประกาศผลการดำเนินงานออกมาอย่างต่อเนื่อง “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจบจ.ที่อยู่ในกลุ่ม SET50 มีกำไรสุทธิเติบโตเกินที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ ขณะที่มีการจ่ายปันผลในงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2560 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2560

โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์  ว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU รายงานกำไรสุทธิงวด ไตรมาส 4/60 สูงกว่าที่คาดอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6% จากปีก่อน แต่ลดลง 19.2% จากไตรมาสก่อน หลักๆ เพราะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากการปรับลดของอัตราภาษีในสหรัฐและฝรั่งเศส (ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลดลงอย่างมีนัยฯ) ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 60 อยู่ที่ 6.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อน แต่ปี 2561 จะลดลง 9.7% เพราะไม่มีบันทึกรายการพิเศษดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามกำไรปกติยังเพิ่ม 15.7% เพราะต้นทูน่าที่ลดลง ธุรกิจแซลมอนและกุ้งที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง

พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.34 บาท XD 6 มี.ค. 61 อย่างไรก็ตามการจ่ายปันผลจะต้องผ่านมติที่ประชุมสำมัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 เมษายน 2561 ก่อน

 

ขณะที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/60 มากกว่าคาด เท่ากับ 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการตั้งด้อยค่าลดลงจากงวดไตรมาส 3/60 เหลือเพียง 3 พันล้านบาท (จากโครงการถ่านหินมาดากัสการ์และ SAR เนื่องจากเลื่อน FID และปริมาณสำรองไม่เพียงพอ ตามลำดับ) แต่หาก พิจารณากำไรปกติ เพิ่มขึ้นกว่า 23% จากไตรมาสก่อน

โดยมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีจำนวนวัน shutdown น้อยกว่าที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาส 3/60  รวมถึงในส่วนของ PTTEP ที่มีกำไรปกติเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วกำไรสุทธิทั้งปี 2560 เท่ากับ 1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.9% จากปีก่อน

พร้อมประกาศจ่ายปันผล 12 บาท  ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค.2561 กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 เม.ย.2561 และแตกพาร์ (Par) จาก 10 บาท เป็น 1 บาท  ส่วนจะมีผลเมื่อไหร่ คงต้องผ่านการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 เม.ย.61 เบื้องต้นน่าจะอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค.61 โดยเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อยจากปัจจุบันที่อยู่เพียง 4%

 

ด้าน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/60 เท่ากับ 1 หมื่นล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ หลักๆ มาจากรายการ กำไรพิเศษที่สูงถึง 6.1 พันล้านบาท (เทียบกับงวดไตรมาส 3/60 ที่ขาดทุนจากรายการพิเศษ 1.1 พันล้านบาท)

อย่างไรก็ตามหากพิจารณากำไรปกติ พบว่าปรับตัวลดลง 15% จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท จากปริมาณขายที่ลดลง  โดยรวมกำไรสุทธิปี 2560 เท่ากับ 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน แนวโน้มปี 2561 คาดยังเติบโตต่อเนื่อง แต่มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในส่วนของการ COD โครงการ US Cracker กำลังการผลิต 4.4 แสนตันต่อปี ว่าจะขึ้นได้ตามแผนล่าสุดที่เคยประกาศไว้ในเดือน ก.พ.61 หรือไม่ ซึ่งหาก delayed ออกไปอีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการปี 2561 ได้ ขณะที่ราคาหุ้นมี Upside จำกัด จึงแนะนำเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว

พร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.55 บาท  ขึ้น XD วันที่ 15 พ.ค.2561 วันที่จ่ายปันผล 25 พ.ค.61

 

ขณะที่ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS รายงานงบฯไตรมาส 4/60 ตามคาดที่ 743 ล้านบาท หนุนด้วยการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมตามการขยายสาขาเชิงรุก โดยรวมปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เติบโตถึง 70% จากปีก่อน ส่วนปี 2561-62 คาดยังเติบโตต่อเนื่องอีกกว่า 40% จากปีก่อน และ 35% จากปีก่อน ตามลำดับ จากแผนขยายสาขาต่อเนื่องทั้งใน กทม. และปริมณฑล ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ฯ เพื่อรองรับหลักเกณฑ์ใหม่ IFRS9 กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการ แต่ coverage ratio ยังอยู่ในระดับสูง จึงไม่น่ากังวลในส่วนนี้

พร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.18 บาท  ขึ้น XD วันที่ 27 เม.ย.2561 วันที่จ่ายปันผล 14 พ.ค.61

 

ด้าน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานงบฯไตรมาส 4/60 ดีกว่าที่คาดเอาไว้ โดยมีกำไร 1.67 พันล้านบาท หลักๆ มาจากการโอนที่ดินที่มากขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรดีขึ้นตามราคาขายที่ดินที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้า REIT ในไตรมาสนี้ด้วย โดยรวมกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 3.27 พันล้านบาท เติบโต 12.7% จากปีก่อน ส่วนปี 2561 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องอีก 3%จากปีก่อน

 พร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.0907 บาท ขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค.2561 วันที่จ่ายปันผล 28 พ.ค. 2561

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button