บลูชิพแรงดี

* สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ยากที่จะคาดเดา และไม่ยากที่จะเล่นตามกระแสก็จริง แต่ก็ทำให้พวกขวัญอ่อนเกิดอาการเป๋ได้เยอะพอสมควร เพราะหุ้นส่วนใหญ่มีอาการสวิงสวายจนน่าหวาดเสียว จนบางครั้งไม่สามารถหาคำตอบมาอธิบายการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง หรือในบางทีก็ไม่เข้าใจว่าการทรุดตัวลงหนักมาจากเหตุผลอะไร จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาพมันนี่เกมเต็มตัวไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ยากที่จะคาดเดา และไม่ยากที่จะเล่นตามกระแสก็จริง แต่ก็ทำให้พวกขวัญอ่อนเกิดอาการเป๋ได้เยอะพอสมควร เพราะหุ้นส่วนใหญ่มีอาการสวิงสวายจนน่าหวาดเสียว จนบางครั้งไม่สามารถหาคำตอบมาอธิบายการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง หรือในบางทีก็ไม่เข้าใจว่าการทรุดตัวลงหนักมาจากเหตุผลอะไร จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาพมันนี่เกมเต็มตัวไงล่ะคะ

* สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากรูปแบบการเล่นของนักลงทุนสถาบัน และแมงเม่ายังเน้นเข้าทำแบบสั้นๆ ไม่ได้ต้องการลงทุนยาวๆ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนตัวเป็นแบบ w-shape โดยมีแกนนำอย่างหุ้นบลูชิพเป็นตัวกำหนดทิศทางการเคลื่อนตัว เท่ากับเป็นการบอกให้รู้อีกครั้งว่า รอบเล่นหุ้นใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว บรรดาขาลุยต้องรีบกระโดดขึ้นให้ทันนะจะบอกให้

* เนื่องจากการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,834.18 จุด บวกไป 26.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.21 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ดัชนีกำลังขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 1,850 จุด ซึ่งบริเวณดังกล่าวอาจมีแรงเทขายไหลออกมาเยอะ หรืออาจมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องก็เป็นไปได้ “โมนิก้า” ถึงมองเป็นช็อตที่ต้องลุ้นระทึกไม่ใช่น้อย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเวลานี้นะคะ

* คิดดูแล้วกัน!..10 อันดับแรกของหุ้นบนกระดาน most active มีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็น 40% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาด ย่อมเป็นจุดที่ทำให้นักเล่นได้รู้ว่า โมเมนตัมของการลงทุนเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องโฟกัสที่หุ้นบลูชิพกันมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเหลือบดูผลประกอบการของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในเที่ยวนี้ เดี๊ยนบอกตามตรงว่า ดูไม่จืดเลยสักตัวเจ้าค่ะ

* ก่อนจะไล่เรียงไปยังหุ้นที่มีปัญหาเรื่องผลงาน “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นพานทองแท้ PTT เพื่อเปิดไว้เป็นทางเลือกสำหรับแฟนพันธุ์แท้หุ้นพลังงาน เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 566 บาท บวกไป 28 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่า 1.12 หมื่นล้านบาท มันเป็นช็อตต่อเนื่องของการเล่นข่าวแตกพาร์ จึงไม่มีอะไรต้องคิดให้ปวดสมอง เนื่องจากคนที่เล่นเขาเคาะขวากันสุดซอยน่ะซี

* เหมือนกับในรายของ BANPU ทุกคนรับทราบกันเป็นอย่างดีว่า แวลูของหุ้นอยู่สูงกว่านี้เยอะ! แต่ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องฟ้องร้องคอยรบกวนหัวใจไม่ใช่น้อย แต่บรรดานักเล่นกลับเลือกที่จะไล่ซื้อหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ แสดงว่า ทุกคนกลัวจะไม่มีของติดพอร์ต และมองว่า ตัวเองจะกระโดดหนีทัน หากมีแอ็กซิเด้นท์เกิดขึ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 23.50 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่า 6 พันล้านบาทแบบชิวๆ นะจ๊ะ

* อีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” ตามเชียร์มาตลอด และวันนี้ยังเชียร์เหมือนเดิม คงต้องโฟกัสไปที่หุ้น PTTGC เพราะการขึ้นเที่ยวนี้ต้องวิ่งขึ้นไปยืนเหนือ 100 บาทเพื่อทำให้ฐานราคาของหุ้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 97.50 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่า 2.29 พันล้านบาท ยิ่งทำให้เดี๊ยนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมนะจะบอกให้

* เช่นเดียวกับในรายของ RS กระชากขึ้นมาปิดที่ 34 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 11.50% ด้วยมูลค่า 437 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการให้แวลูในตัวธุรกิจที่ค่อนข้างสูง จึงเทรดกันแบบระเบิดเถิดเทิงอย่างที่เห็นกันในเวลานี้..ถามว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อขนาดไหน? เดี๊ยนขอแนะนำให้ดูค่า P/E 100 เท่าที่ปรากฏให้เห็นสดๆ ร้อนๆ มันสูงเกินไป หรือต่ำเกินไป..ลองถามใจเธอดูค่ะ

* ส่วนที่ทำให้แฟนคลับผิดหวังรุนแรง “โมนิก้า” คงต้องหันมามองหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ CCET เป็นรายแรกสำหรับการเม้าท์ในเที่ยวนี้ เพราะเมื่อแกะงบแบบรายละเอียดจะเห็นว่า ผลงานในไตรมาส 4 ดิ่งเหวสุดๆ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ผลงานในไตรมาส 1 ปี 2561 น่าจะมีประเด็นให้ขบคิดเยอะพอสมควร บรรดาผู้เล่นเลยตัดสินใจโยนหุ้นทิ้งตลอดทั้งวัน จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 2.22 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 18.40% ด้วยมูลค่า 184 ล้านบาทไงล่ะคะ

* อีกรายที่อาการน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน “โมนิก้า” คงต้องจี้ไปที่หุ้น HFT ก่อนใครเพื่อนอีกเช่นกัน เพราะโดนเทขายแบบไม่ดูดำดูดี จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 3.70 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 13.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น มันเป็นช็อตที่ทำให้คนถือหุ้นต้องถอยร่นแบบเร่งด่วน และไม่จำเป็นต้องไปสืบค้นข้อมูลอะไรมากมาย เพียงแค่รู้ว่า กำไรฮวบ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถือหุ้นอีกต่อไปจ้า

Back to top button