เที่ยว Hokkaido

ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” พาพนักงานที่มีอายุงานเกิน 10 ปีไปทัศนศึกษาต่างประเทศ นัยสำคัญนอกจากจะเป็นการพักผ่อนแล้ว ก็ยังช่วย “เปิดโลกทัศน์” ของพนักงานให้กว้างขึ้น


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย  ณ นคร

ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” พาพนักงานที่มีอายุงานเกิน 10 ปีไปทัศนศึกษาต่างประเทศ

นัยสำคัญนอกจากจะเป็นการพักผ่อนแล้ว

ก็ยังช่วย “เปิดโลกทัศน์” ของพนักงานให้กว้างขึ้น

เพราะทุกวันนี้เราต้องคิดแบบ Outside In มากกว่า Inside Out จึงต้องเรียนรู้ว่าข้างนอกเขาคิดกันอย่างไร ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว ต้องออกไปสัมผัส จับต้อง จะได้นำมาต่อยอดพัฒนาตนเองได้

ปีนี้พวกเราไป Hokkaido ประเทศญี่ปุ่นกันครับ

Hokkaido เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น มีเมืองหลวงคือ “ซัปโปโร”

เมืองนี้คนไทยน่าจะรู้จักกันดี เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่นิยมไปกันแล้ว ก็ยังเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอล “คอนซาโดเล ซัปโปโร” ที่ “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ไปเล่นฟุตบอลอาชีพให้อยู่

เกาะฮอกไกโด มีประชากรอยู่ประมาณ 5 ล้านคน

หรือเท่าๆ กับประชากรในกรุงเทพฯ (ตามสำมะโนครัว)

รายได้หลักๆ ของฮอกไกโดมาจากสินค้าด้านเกษตรกรรม รองลงมาคือธุรกิจท่องเที่ยว

ในด้านเกษตรกรรม  สินค้าหลักๆ ที่ทำรายได้อย่างมากคือ “เมล่อน”

เมล่อนแห่งยูบาริ (Yubari King Melon) เป็นเมล่อนยอดนิยมมากที่สุดทั่วประเทศ มีเนื้อสีส้มทอง รสชาติหอมหวานฉ่ำ

ราคานั้นมีตั้งแต่หลักพันเยน ไปจนถึงหลักล้านเยน (100 เยน ประมาณ 30 บาท)

สินค้าที่สร้างรายได้รองลงมาคือ “แตงโม”

และสายพันธุ์ที่สร้างชื่อให้มากสุด คือ “แตงโมเดนสุเกะ”

สายพันธุ์นี้จะมีเปลือกเป็นสีดำ เก็บเกี่ยวได้ปีละ 1 ครั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับนั้น แตงโมเดนสุเกะนี้ถูกคิดค้น และปรับพันธุ์ขึ้นมาปลูก ในพื้นที่การเกษตร ที่ใช้ปลูกข้าว

หลังข้าวเก็บเกี่ยวไปแล้ว เกษตรกรก็ต้องหาอะไรมาปลูกทดแทน ช่วยให้พื้นที่นา มีประโยชน์ หรือคล้ายๆ เกษตรกรของประเทศไทยครับ

ในด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวฮอกไกโดตลอดทั้งปี

ที่นี่ไม่มีไฮซีซั่น หรือโลว์ซีซั่น

หากใครชอบหนาวๆ มีหิมะเยอะๆ ก็จะมาเที่ยวกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน–มีนาคม

หรือหากไม่ชอบหนาว อยากชมใบไม้ผลิ ทุ่งดอกไม้ต่างๆ ก็มาในช่วงหลังพฤษภาคม เป็นต้นไป

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาฮอกไกโดมากสุดคือประเทศจีน

รองมาคือไต้หวัน และเกาหลี

ส่วนนักท่องเที่ยวไทยเข้ามามากเป็นอันดับ 4

ทุกวันนี้การเดินทางไปฮอกไกโดค่อนข้างสะดวก  มีหลายสายการบินของไทยที่มีเที่ยวบินตรงไปยังสนามบิน “ชิโตะเซะ” บนเกาะฮอกไกโด รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 20 ล้านคนต่อปี

ส่วนคณะของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” กว่า 40 ชีวิต เราใช้บริการของ “การบินไทย” ครับ

สนามบินแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995

ท่าอากาศยานชิโตะเซะจัดว่าเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น รองจาก นะริตะ และ ฮะเนะดะ

ฮอกไกโดยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง “ชิงกันเซ็ง” วิ่งจากโตเกียวมายังเกาะฮอกไกโดได้เลย

รถไฟสายนี้เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อ 26 มีนาคม 2016 นี่เอง หรือประมาณ 2 ปีที่แล้ว

รถไฟจะวิ่งด้วยความเร็วปฏิบัติการสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียว 4 ชั่วโมงครึ่ง มีอุโมงค์ทางลอดยาว 53.85 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นทางลอดใต้ทะเล 23.3 กิโลเมตร

จุดลึกสุดอยู่ใต้ผิวน้ำลงไป 240 เมตร

สถานีแรกที่แวะจอดบนเกาะฮอกไกโด คือ Kikonai และรถไฟมาจอดที่สถานีปลายทาง คือ Shin-Hakodate-Hokuto

ราคาค่าโดยสารประมาณ 23,000 เยนครับ

กลับมาที่คณะของข่าวหุ้น โดยพวกเราเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า เป็นสวนสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากสุดของญี่ปุ่น

เข้าชมเทศกาลน้ำแข็ง หรือ ICE FESTICAL ที่เมืองโซอุนเคียว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิชิคาริ

มีทั้งอุโมงค์น้ำแข็ง เสาน้ำแข็ง และโดมน้ำแข็ง

ดูแล้วตื่นเต้น ตระการตาดี มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเช้าชมเยอะมากๆ

วันถัดมาเข้าสู่เมืองมอนเบ็ทสึ เพื่อล่องเรือตัดน้ำแข็ง

ทว่าโปรแกรมต้องถูกยกเลิก เพราะคลื่นลมแรง และมีข่าวว่าจะมีพายุหิมะพัดเข้าถล่มฮอกไกโดในช่วงเย็นถึงค่ำ

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ลมพายุรุนแรงมาก

โรงแรมที่เราพักมีเสียงลมกระแทกหน้าต่าง และเสียงดังเอี๊ยดๆ ในห้องจากแรงลมที่ปะทะทำให้เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลา

แต่ก็พอเบาใจได้ว่า อาคารต่างๆ ที่ญี่ปุ่นเขาสร้างรับมือกับแผ่นดินไหวได้ จึงน่าจะต้านลมพายุได้

จากพายุหิมะที่เข้าถล่ม เราได้เห็นระบบการเตือนภัยเข้มงวดมาก รวมถึงการรับมือ และการเร่งแก้ปัญหาจะรวดเร็ว

ทันทีที่พายุสงบ ทางทีมกู้ภัยจะเริ่มทำงานทันที เพราะถนนหลายสายถูกปิดจากหิมะที่ตก และทำให้โปรมแกรมเที่ยวต่างๆ รวนไปบ้าง แต่ทางคณะก็สามารถเดินทางกลับมายังเมือง “ซัปโปโร” ได้

อุณหภูมิช่วงที่ไปนั้นต่ำสุด -13 องศา และสูงสุด 0 องศา

มีเพียงวันกลับ (4 มี.ค.) เท่านั้นที่ขึ้นมาเป็น 2-3 องศา

“พี่ชาญ” หรือ คุณชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการ น.ส.พ.ข่าวหุ้นธุรกิจ บอกกับพนักงานที่ร่วมเดินทางว่า การเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็น แต่ไม่มีใครเป็นอะไร นั่นเพราะทุกคนเตรียมตัวมาดี

พร้อมกับเปรียบเทียบกับการทำงานว่า หากเราเตรียมความพร้อมที่ดี

เมื่อเจอกับปัญหา เราก็จะแก้ไขและผ่านไปได้

Back to top button