สังคมข่าวหุ้น

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,781.64 จุด ปรับลดลง 17.42 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.1 หมื่นล้านบาท * สัปดาห์นี้หุ้นบลูชิพทั้งหลายมีสตอรี่ร้อนแรงกันแทบทุกราย ถ้าเคสร้อนๆ ล่าสุด ต้องพูดถึงกรณีประเด็นเหตุการณ์มอนทาราที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อ PTTEP โดยช่วงเย็นวานนี้ประกาศข่าวดี (ชั่วคราว) มาแล้วว่า  รัฐบาลอินโดนีเซียขอถอนฟ้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,781.64 จุด ปรับลดลง 17.42 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.1 หมื่นล้านบาท * สัปดาห์นี้หุ้นบลูชิพทั้งหลายมีสตอรี่ร้อนแรงกันแทบทุกราย ถ้าเคสร้อนๆ ล่าสุด ต้องพูดถึงกรณีประเด็นเหตุการณ์มอนทาราที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อ PTTEP โดยช่วงเย็นวานนี้ประกาศข่าวดี (ชั่วคราว) มาแล้วว่า  รัฐบาลอินโดนีเซียขอถอนฟ้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

* กรณีมอนทาราถือเป็นหนึ่งในปัจจัยค้างคาและกดดันหุ้น PTTEP มายาวนานนับสิบปี (อารมณ์เดียวกับหุ้น BANPU ที่เผชิญคดีโรงไฟฟ้าหงสา) ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เวลาประเด็นที่ถูกหยิบจุดติดขึ้นมาก็อิมแพ็คต่อหุ้นไม่เบาเช่นกัน โดยเมื่อสถานการณ์ล่าสุดได้ขอถอนฟ้อง จึงถือเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นหุ้นในระยะสั้นเพราะจะช่วยลดความกดดันลงไปได้

* แต่ในเชิงระยะยาวต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะแม้รัฐบาลอินโดนีเซียได้ขอถอนฟ้อง แต่อยู่ภายใต้เหตุผลที่ว่าจะแก้ไขคำฟ้อง นั่นหมายความว่า กรณีมอนทาราอาจจะยังไม่ปิดฉากจบสิ้นลงไปในทีเดียว ส่วน PTTEP ในช่วงที่ผ่านมาได้ประกาศความเชื่อมั่นเสมอว่า คราบน้ำมันที่เกิดจากเหตุการณ์มอนทาราไม่ได้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และไม่ได้แพร่เข้าสู่ชายฝั่งของประเทศอินโดนีเซียหรือออสเตรเลีย พร้อมกับมีหลักฐานจากผลการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ที่ควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลออสเตรเลีย ดังนั้น ประเด็นนี้จึงยังไม่จบสิ้นและถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่แฟนหุ้นพี่เทพต้องจับตาดูกันต่อไป

* ต่อกันด้วยหุ้น BANPU หลังจากคดีโรงไฟฟ้าหงสามาถึงบทสรุปที่ชัดเจนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการปลดทิ้งปัจจัยลบที่กดดันมายาวนานเสียที เมื่อวานทำราคาปิดลบ 21.20 บาท ถอยลงแรงไปกว่า 7% สาเหตุหลักที่กดดันหุ้นเป็นผลมาจากเมื่อวานนี้ภาพรวมตลาดได้มีการปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมายลง เนื่องจากต้องบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษของคดีโรงไฟฟ้าหงสาเข้าไปในไตรมาสแรกทันที บวกกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวดิ่งลงไปถึง 17 จุด ก็ยิ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายหุ้นออกมามหาศาล

* แต่งานนี้เห็นหุ้น BANPU ดิ่งลงขนาดนี้ทาง นิวส์เวฟ ขอเชียร์ซื้อสวนเลยนะ แต่ควรเข้าซื้อแบบทยอยสะสม ยังไม่ต้องทุ่มสาดหมดหน้าตัก เพราะเมื่อโฟกัสไปที่ตัวพื้นฐานหุ้น ยังไงบ้านปูก็ยังคงเป็นนัมเบอร์วันหุ้นถ่านหินของไทยอยู่เสมอ

* แน่นอนว่า งบไตรมาสแรกหนีไม่พ้นอิมแพ็คค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่ถ้ามองไปในเทรนด์งวดไตรมาส 2-4 ปีนี้ ฐานกำไรจะติดสปีดรวดเร็วชัดเจน โดยเป็นผลมาจากกรณีดีมานด์ถ่านหินในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และราคาถ่านหินที่ทรงตัวระดับสูงไม่เปลี่ยน นั่นหมายความว่า ทาง BANPU มีปัจจัยหนุนเต็มไม้เต็มมือถึง 2 ขา ทั้งในเชิงราคาและปริมาณขาย ใครอยากเป็นเจ้าของหุ้น BANPU ไม่เก็บตอนนี้ก็ไม่รู้จะเข้าซื้อตอนไหนแล้วล่ะ

* ส่งท้ายกันด้วยหุ้น ORI ปิดลบอยู่ที่ฐานระดับ 20 บาท แบบพอดิบพอดี เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าเข้าช้อนเก็บด้วยเช่นกัน เพราะซื้อหุ้นตอนนี้จะมีเงินปันผลสูงถึง 55 สตางค์ คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์สูงเกือบ 3% เรียกได้ว่า จ่ายปันผลสวยหรูตามสไตล์หุ้นอสังหาริมทรัพย์เลยทีเดียว ส่วนในเชิงพื้นฐานแนวโน้มการเติบโตของ ORI ในงวดปี 2561 ยังทำได้โดดเด่นไม่มีเปลี่ยน

* โดยมีแรงหนุนจากทั้งตัวโครงการPark 24 และขณะเดียวกันยังลุยเชิงรุกเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่น่าจับตาคือการรุกตลาดแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์แบรนด์ Britania ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของฐานรายได้บริษัท เพราะจะสามารถบุ๊ครายได้เข้ามาเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น ORI จึงถือเป็นหุ้นที่มีจุดเด่นหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นจ่ายปันผลสูง แล้วยังมีอัพไซด์สวย เพราะต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่โบรกฯ ให้ไว้ที่ระดับ 25 บาท ดีขนาดนี้แฟนๆ นักลงทุนน่าลองหยิบยกไปพิจารณากันดูนะ

Back to top button