สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 มี.ค. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกดดันให้จีนปรับลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 1 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,758.12 จุด ร่วงลง 248.91 จุด หรือ -1.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,749.48 จุด ลดลง 15.83 จุด หรือ -0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,496.81 จุด ลดลง 14.20 จุด หรือ -0.19%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า ECB จะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรต่อไป หากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 374.94 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,233.36 จุด ลดลง 9.43 จุด หรือ -0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,132.69 จุด ลดลง 6.09 จุด หรือ -0.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,237.74 จุด เพิ่มขึ้น 16.71 จุด หรือ +0.14%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,132.69 จุด ลดลง 6.09 จุด หรือ -0.09%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,325.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 16.537 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.60% ปิดที่ 961.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 6.85 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 984.75 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 60.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 64.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่ยังคงมีการขยายตัว

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2374 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2397 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ  1.3972 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3977 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7881 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.29 เยน จากระดับ 106.64 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ  0.9448 ฟรังก์ จากระดับ 0.9439 ฟรังก์

Back to top button