จีนกับเป้าที่หนึ่งด้านเทคโนโลยี

คนเกือบทั่วโลกมัวหมกมุ่นกับ มติวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ของสภาประชาชนจีนหรือรัฐสภาของจีน ในการยกฐานะของสี จิ้นผิง เทียบเท่า เหมา เจ๋อตง ในการกำหนดทิศทางของประเทศ ในประเด็นเรื่องการกำหนดระยะเวลาการอยู่ในตำแหน่งที่ไร้ข้อจำกัด สามารถมองได้ทั้งบวกและลบ จนละเลยเรื่องที่จีนให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นๆ 2 เรื่อง


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

คนเกือบทั่วโลกมัวหมกมุ่นกับ มติวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ของสภาประชาชนจีนหรือรัฐสภาของจีน ในการยกฐานะของสี จิ้นผิง เทียบเท่า เหมา เจ๋อตง ในการกำหนดทิศทางของประเทศ ในประเด็นเรื่องการกำหนดระยะเวลาการอยู่ในตำแหน่งที่ไร้ข้อจำกัด สามารถมองได้ทั้งบวกและลบ จนละเลยเรื่องที่จีนให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นๆ 2 เรื่อง

  • เรื่องเก่าแก่ที่เป็นเสมือน “ก้อนกรวดในรอยเท้า” หรือ “เสี้ยนตำใจ” เสมอมาคือ นโยบายยืนหยัดแนวคิดหนึ่งประเทศ สองระบบ และเดินหน้ารวมชาติกับไต้หวันในอนาคต
  • เรื่องใหม่ที่ชัดเจนว่าทำให้ยุคสมัยของ สี จิ้นผิง แตกต่างจากเหมา และเติ้งชัดเจน นั่นคือการยกระดับเป็นเจ้าเทคโนโลยีของโลก ใช้แนวคิดการพัฒนาใหม่ที่เน้นวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โปร่งใส และกระจายประโยชน์

เรื่องหลังดูจะสำคัญกว่าเรื่องแรกมาก เพราะเรื่องแรกเป็นเรื่อง “ศักดิ์ศรี” แต่เรื่องหลังเป็นผลประโยชน์ ความมั่งคั่ง และพลังอำนาจที่จับต้องได้

หลายปีมาแล้วที่บรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้นำธุรกิจทั่วโลกเริ่มยอมรับว่า พัฒนาการในด้านเทคโนโลยีของจีนนั้นก้าวหน้าไม่แพ้ใครในหลายด้าน แต่ก็ยังมีมายาคติว่าจีนยังไม่ได้เก่งจริง เพราะเท่าที่เห็นนั้น จีนยังคงสินค้าที่จีนผลิตสินค้าตามคำสั่งหรือ “รับจ้างผลิต” หรือไม่ก็ผลิตเอง แต่ลอกเลียนแบบ (โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ นาฬิกา สินค้าแบรนด์เนมทุกยี่ห้อทุกรุ่น ฯลฯ) ไม่มีใครเชื่อว่าจีนจะสามารถผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงที่เหนือกว่าสินค้าธรรมดาและด้วยวัตถุดิบราคาถูกเพื่อให้ได้สินค้าราคาถูกเพื่อให้ขายได้มากๆ

ความจริงแล้ว จีนเก่งกว่าที่คิดมาก เพราะหากเรียบเรียงรายการเท่าที่ประมวลได้จะพบว่า มากกว่า25 รายการที่จีนได้พิสูจน์มาหลายปีแล้วว่าอยู่เหนือชาติอื่นๆ อาทิ

  • ผลิตและวิจัยอุปกรณ์พกพาและมือถือ ด้วย CPU ที่มีสิทธิบัตรของตนเองที่คู่แข่งหนาวยะเยือก เช่น กรณีของ Huawei’s Hisilicon Co.
  • ผลิตและวิจัยโครงข่ายโทรคมนาคมครบวงจร  ตั้งแต่เครื่องลูกข่ายถึงระบบ Internet  ระบบ Transmission ระบบการสื่อสารทางไกล และระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม
  • ผลิตและวิจัยดาวเทียมและจรวดส่งดาวเทียมได้ด้วยตัวเองทั้งหมด  ดาวเทียม GPS (ระบบ beidou) รวมถึงสถานีอวกาศเบื้องต้น
  • ผลิตและวิจัยระบบเรดาร์ภาคพื้น เรดาร์เครื่องบิน  เครื่องบินโดยสาร เครื่องบินรบ (J20) เฮลิคอปเตอร์รบ ยังขาดแต่เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่
  • ผลิตและวิจัยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสารพัดแบบทั้งกระแสสลับและตรง
  • ผลิตและวิจัยเครื่องยนต์เจ็ต และเครื่องยนต์กังหันแก๊ส
  • ผลิตและวิจัยรถไฟความเร็วสูงใกล้เคียงญี่ปุ่นและฝรั่งเศส
  • ผลิตและวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีสิทธิบัตรเป็นอันดับหนึ่งของโลก (แต่ Citation Index ยังต่ำกว่า) โดยที่อดีตผู้บริหารของ Google เตือนว่าธุรกรรมนี้ จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ภายในปี 2568
  • ผลิตและวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้านิวเคลียร์ระดับนำของโลก
  • ผลิตและวิจัยขีปนาวุธ  ขีปนาวุธข้ามทวีป ขีปนาวุธที่ถูกนำทางด้วยเลเซอร์, เรดาร์, กล้องถ่ายรูป, GPS, ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน
  • ผลิตเรือเดินสมุทรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก
  • มี Semiconductor Foundry สามารถผลิต CPU, IC Chip ตามสั่ง (คือโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่ทำพวกชิพเซ็ต, CPU บริษัทชื่อ SMIC)
  • มีโรงงานผลิตจอ LCD ใหญ่ที่สุดของโลก
  • สามารถสำรวจ ขุดเจาะ แปรรูปน้ำมันปิโตรเลียม ได้ครบวงจร
  • ผลิต Super Computer ซึ่งคำนวณเร็วเป็นที่หนึ่งของโลกตั้งแต่ปี 2557 ด้วยการออกแบบ Circuit ของตัวเอง แม้ยังต้องใช้ CPU, GPU ของสหรัฐฯ (ของจีนเองยังพยายามพัฒนาไม่หยุด)
  • ผลิตกล้องถ่ายรูปได้เท่าญี่ปุ่น แต่เลือกตีตลาดกล้องวงจรปิดก่อน จนยึดครองตลาดส่วนใหญ่ของโลก
  • มีความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมโยธาถึงระดับโลก สามารถสร้างตึกสูง สะพาน อุโมงค์ ได้ทุกอย่าง
  • ผลิตและวิจัยเครื่องจักรหนัก CNC Machine, Press Machine
  • เป็นเจ้าตลาดสารหายาก (Rare Earth Element) จนมีคำกล่าวว่า จีนคือซาอุดิอาระเบีย แห่งสารหายาก
  • ก้าวหน้าทางวิศวกรรมจักรกล ผลิตรถเครน รถเครื่องจักรหนักได้ แล้วเริ่มตีตลาดโลก
  • เป็นผู้นำด้านการผลิตแผงวงจรไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ของโลก
  • เป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก และเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์พลังไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่เร่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถยนต์ชั้นนำของโลก

วิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ การที่คนทั้งโลกยังคงเห็นสินค้าเทคโนโลยีจากจีนสารพัดยังมีขายในราคาถูก ไม่ใช่เพราะไร้ความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตในระดับสูง แต่มีเจตนาไม่ผลิตเอง เพราะเขาเลือกที่จะไม่ผลิตแข่งในตลาดสินค้าตลาดบนที่นิยมแบรนด์จากอเมริกัน เยอรมนี และญี่ปุ่น หากเลือกผลิตสินค้าที่ขายตลาดกลางและล่างในราคาถูกกว่า เพื่อให้ขายได้มากๆ ในตลาดทางเลือกที่ไม่สามารถซื้อของดีราคาแพงได้

คำพูดชินปากหลายปีก่อนที่ว่า “ออกแบบโดย Apple ในแคลิฟอร์เนีย ประกอบในจีน” อาจเปลี่ยนไปภายใต้ สี จิ้นผิง โดยเป็นไปได้ที่จะต่างจากเดิมหรือกลับข้างกัน ซึ่งเรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ว่าเหตุใดผู้นำสหรัฐฯ ในยุค 10 ปีมานี้ ค่อนข้างระวังการเข้าเทกโอเวอร์ในกิจการเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมสูงจากเอเชีย (โดยเฉพาะจีน) เป็นพิเศษ

Back to top button