นาทีทองเก็บ BCH ราคา Laggard แนวโน้มกำไรปี 61 โตเด่น!

นาทีทองเก็บ BCH ราคา Laggard แนวโน้มกำไรปี 61 โตเด่น!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้สำรวจข้อมูลหุ้นบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หลังราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (19 มี.ค.) อยู่ที่ 17 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 677.86 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการปรับตัวขึ้นสวนดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวม ซึ่งปิดลบถึง 0.66% นอกจากนี้จากราคาปิดล่าสุดที่ 17 บาท ส่งผลให้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายโดยนักวิเคราะห์ที่ 19.50 บาท อยู่ 15%

ทั้งนี้นักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักมองว่า ราคาหุ้น BCH ยังคง Laggard กลุ่มโรงพยาบาลอย่างมาก และกำไรในปี 61-62 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิมและเพิ่มสาขาโรงพยาบาลมากขึ้น

โดย นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BCH ราคาเป้าหมาย 19.50 บาทต่อหุ้น มีมุมมองเชิงบวกจาก BCH เปิดเผยว่ารายได้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดี เนื่องจากการเพิ่มค่าบริการของสำนักงานประกันสังคม และมีคนไข้ IPD เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน ค่อนข้างมากเนื่องจากมีโรคระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้า รวมถึงการปรับปรุงคลินิกแม่สายขึ้นเป็นโรงพยาบาลแม่สาย ขนาดเตียงจดทะเบียน 30 เตียง

ดังนั้นจึงได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ขึ้น 7% ทำให้กำไรสุทธิเติบโต 22% เทียบจากปีก่อนและปรับกำไรปี 62 ขึ้น 15% ทำให้กำไรสุทธิเติบโต 17% เทียบจากปีก่อน เนื่องจากโรคระบาดมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี 61 และ WMC จะมีขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

รวมทั้งโรงพยาบาลแม่สายที่อัพเกรดจากคลินิกจะมีรายได้ส่วน IPD เพิ่มขึ้นปีละ 100 ล้านบาท และ ค่าเสื่อมราคาไม่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจาก ช่วง 2 ปีนี้จะยังไม่มีการเปิดโรงพยาบาลมี่สร้างใหม่

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมาย BCH ที่ 19.30 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าราคาหุ้นอยู่ในภาวะ Laggard กลุ่มโรงพยาบาลอย่างมาก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับเพิ่มขึ้นราว 7% แต่หุ้น BCH เพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น รวมทั้งยังถือว่าเป็นหุ้น Defensive

ขณะที่ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน BCH จะได้รับประโยชน์เต็มปีจากการปรับเพิ่มค่าบริการของประกันสังคม และการฟื้นตัวของ World Medical Hospital (WMC) ทั้งยังมีแนวโน้มจะปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันที่ FV อยู่ที่ 18.60

ในส่วนของปัจจัยทางเทคนิค BCH แกว่งตัวแบบ Sideways Up อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับ MACD ที่ยกฐานตามเป็นตัวช่วยยืนยัน โดยในระยะสั้น BCH จะมีแนวต้านที่ 17.00 บาท และ 17.30 บาทลำดับ

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BCH คาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะปรับตัวดีกว่าที่ประเมินก่อนหน้า ทำให้ทางฝ่ายปรับราคาพื้นฐานปี 61 ใหม่เป็น 19.10 บาท

โดยในกลุ่มลูกค้าเงินสดคาดจะมีผู้มาเข้าใช้บริการสูงขึ้นจากปีก่อน หลักๆ จากการขยาย Capacity ในช่วงก่อน เช่น Renovate ในโรงพยาบาล 6 แห่ง, Rebrand โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์เดิมเป็น โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล (รับเฉพาะลูกค้าเงินสด) และ Rebrand โรงพาบาลการุณเวชรัตนาธิเบศร์ เป็น โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ใหม่

รวมถึงอัพเกรดคลินิกแม่สาย เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง (เปิดให้บริการในเดือน ก.พ. 61) รวมทั้งการขยายเพิ่มศูนย์การแพทย์และศูนย์แพทย์เฉพาะทางต่างๆ อีกทั้งในปีนี้คาดจะมีการระบาดของโรคที่สูงกว่าปีก่อน ด้านกลุ่มลูกค้าประกันสังคม คาดจะรับอานิสงส์จากรับรู้ค่ารักษาประกันสังคมใหม่เข้ามาเต็มปี

ขณะที่มีจำนวนผู้ประกันตนในปัจจุบัน (1 มี.ค. 61) อยู่ที่ 7.8 แสนราย ทว่าคาดจะทยอยเพิ่มเป็น 8.10 แสนราย ส่วนโรงพยาบาล WMH เชื่อจะปรับตัวดีต่อเนื่อง คาดจะมีการดำเนินขาดทุนที่เพียง 10-20 ล้านบาท จากทั้งปี 60 ขาดทุน 113 ล้านบาท ส่วนหนึ่งคาดเป็นผลจากการให้บริการศูนย์แพทย์เฉพาะทาง อาทิ ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า, ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย, ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ฯลฯ

รวมทั้งทำการตลาดต่อเนื่อง ทำให้ปรับสมมติฐานรายได้กิจการโรงพยาบาลปี 61 ขึ้นเป็น 8,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากปีก่อน และปรับกำไรปี 61 ขึ้นที่ 1,152 ล้านบาท เพิ่ม 25.6% จากปีก่อน

อย่างไรก็ตามแนวโน้มในไตรมาส 1/61 ผลประกอบการอาจจะย่อตัวเมื่อเทียบต่อไตรมาส จากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน บวกกับผลกระทบจากลูกค้าจีนที่ชะลอในช่วงเทศกาลตรุษจีน หากแต่เมื่อเทียบงวดปีก่อน จะปรับตัวเด่นมากจากมีการระบาดของโรคสูงกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อน อาทิ โรคท้องร่วง (ไวรัสโรต้า) โรคพิษสุนัขบ้า

Back to top button