CBG เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ

ประเด็นสำคัญน่าสนใจของ CBG ที่อาจทำให้กลับมามีเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุนอีกครั้ง...หลังจากราคาหุ้นร่วงลง....จากที่เคยปรับตัวขึ้นไปปิดสูงสูด 106 บาท


คุณค่าบริษัท

ประเด็นสำคัญน่าสนใจของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ที่อาจทำให้กลับมามีเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุนอีกครั้ง…หลังจากราคาหุ้นร่วงลง….จากที่เคยปรับตัวขึ้นไปปิดสูงสูด 106 บาท

ประเด็นดังต่อไปนี้จะเป็นประเด็นที่ทำให้ราคาหุ้นเด้งกลับเร็ววันได้ “สู่จุดเดิม”

อันมาจากการเติบโตในระยะยาวของบริษัท โดยผู้บริหารยืนยันว่าการรุกตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปยังประเทศอังกฤษเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านการตลาดด้วย Football Marketing ทั้งการเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรฟุลบอลเชลซี และ Carabao Cup (EFL)

กลยุทธ์นี้นอกจากจะช่วยให้ CBG นำสินค้าไปวางจำหน่ายมากกว่า 30 Chain Store ใหญ่ๆ ในอังกฤษได้แล้ว ยังช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เช่น อาเซอร์ไบจาน, กานา, ฝรั่งเศส, เปรู ฯลฯ เริ่มเข้ามาติดต่อสั่งซื้อสินค้า ตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจที่จะผลักดันเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวให้เป็นสินค้าระดับโลก

ต่อมาแผนรุกตลาดจีน (CBG เป็นเพียงผู้ขายสินค้าเท่านั้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นำโดยคุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ เป็นผู้ลงทุนเอง) ปัจจุบันผู้ลงทุนอยู่ระหว่างการเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการขายจากเดิมใช้ Above The Line จะปรับเป็น Below The Line โดยเน้นทั้งการตลาดและโฆษณาตรง Point of Sales ให้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะยังคงเน้นกลยุทธ์ “ทำใหญ่ ไม่ทำเล็ก” โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะวางจำหน่ายสินค้ากระจายไปทั่วประเทศจีน อีกทั้งช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา CBG เริ่มทยอยส่งสินค้าไปยังประเทศจีนแล้ว หลังจากที่ช่วงไตรมาส 4/2560 ไม่ได้ส่งสินค้าไปยังประเทศจีนเลย

ขณะเดียวกันทางอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จากแผนผลิตเองในบางสินค้า Own Brand เพื่อลดต้นทุน OEM และปัจจัยบวกจากต้นทุนราคาน้ำตาลโลกที่ปรับตัวลงราว 16.4% จากต้นปีถึงปัจจุบัน

อีกทั้ง CBG มีแผนลดต้นทุนทางการเงินด้วยการ Refinance โดยออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ที่เรตติ้ง A- หวังลดดอกเบี้ยราว 50-100 Basis Point หรือคิดเป็นมูลค่า 15-30 ล้านบาท

นอกจากนี้ทางด้านนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ CBG ด้วยแรงหนุนจาก 1) แนวโน้มสดใสของยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศจีนและอังกฤษ 2) การเพิ่มจุดกระจายสินค้า โดยปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าเป็น 31 ศูนย์ (334 Cash Van) ครอบคลุมพื้นที่ร้านค้าย่อย 220,000 ร้าน

และ 3) การเติบโตของโมเดลธุรกิจใหม่ จากการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันผ่านช่องทาง Cash Van โดยมีทั้งสินค้าของบริษัทและผู้ผลิตรายอื่น จึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 CBG จะมีกำไรสุทธิ 2,009 ล้านบาท เติบโต 61.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

เพื่อสะท้อนศักยภาพในการทำกำไรที่ดีในระยะยาว อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 28.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 80.75 บาท และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 2.2% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท เสถียรธรรมโฮลดิ้ง จำกัด 250,064,500 หุ้น 25.01%
  2. น.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ 210,000,000 หุ้น 21.00%
  3. นายยืนยง โอภากุล 70,480,000 หุ้น 7.05%
  4. นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ 48,154,100 หุ้น 4.82%
  5. นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ 35,500,500 หุ้น 3.55%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ
  2. นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร
  3. น.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ รองประธานกรรมการ
  4. น.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ
  5. นายยืนยง โอภากุล กรรมการ

Back to top button