สบช่องช้อนซื้อ RS หลังราคารูดหนัก โบรกฯย้ำพื้นฐานเด่น กำไรQ1โตก้าวกระโดด

สบช่องช้อนซื้อ RS หลังราคารูด 3 วัน 20% อัพไซด์สูงลิ่ว! โบรกฯ ย้ำพื้นฐานเด่น กำไร Q1/61 โตก้าวกระโดด รับเรตติ้งช่อง 8-ยอดขายธุรกิจความงามพุ่งกระฉูด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูล บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS หลังราคาหุ้นปรับตัวลงแรงถึง 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 30 บาท เมื่อวันที่ 3 เม.ย.61 จนกระทั่งวานนี้ ( 9 เม.ย.61) ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ที่ 24.10 บาท ลบ 3.15 บาท หรือ 11.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 524.15 ล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวลง 5.90 บาท หรือคิดเป็น 20% และส่งผลให้มีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 35 บาท อยู่ 45%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงคาดว่า นักลงทุนเกิดความกังวลต่อกรณีที่นายโสรัตน์ วณิชวรากิจ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ RS ได้จำหน่ายหุ้นออกเป็นจำนวน 15 ล้านหุ้น ให้นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ที่ราคาเฉลี่ยที่ 28 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่ากระดานซื้อขาย รวม 420 ล้านบาท

ดังนั้น ภายหลังการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้จึงส่งผลให้เฮียฮ้อถือหุ้นเพิ่มเป็น 33.50% จากเดิมที่ถืออยู่ 32.02% และผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ยังคงถือ RS อยู่อีก 100 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

โดยนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ซื้อหุ้น RS เพิ่มอีกคิดเป็นเงินร่วม 200 ล้านบาท เนื่องด้วยมั่นใจการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจสุขภาพและความงาม ซึ่งได้แรงส่งจากการบริหารสื่อในกลุ่มทั้งทีวี วิทยุ และออนไลน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีแต้มต่อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาด

รวมถึงฐานข้อมูลลูกค้าที่เติบโตขึ้นทุกเดือนได้ถูกนำมาวิเคราะห์ต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขายสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะใช้กลยุทธ์โฆษณากระตุ้นการขายให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละช่องทาง และเพิ่มความเข้นข้นด้วยการพัฒนาบริการหลังการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที

ขณะเดียวกันแนวโน้มธุรกิจสุขภาพและความงามจะสร้างยอดขายทุบสถิติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยทำมาร์จิ้นได้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด ปีนี้จึงตั้งเป้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายบนหน้าจอเพิ่มขึ้น เริ่มโฆษณาและวางจำหน่ายสินค้าประเภทของใช้ส่วนตัวและเครื่องใช้ภายในบ้าน (Home and Lifestyle Products) ตั้งแต่ต้นปี และได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด รวมทั้งพัฒนาทีมบริการหลังการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อเพิ่มต่อเนื่อง และจะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ บนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อทำรายได้ธุรกิจสุขภาพและความงามทะลุ 3,500 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจสื่อเติบโตสวนกระแสภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อที่ชะลอตัว โดยช่อง 8 สามารถปิดจองโฆษณาระยะยาวได้ตามเป้า และขายพื้นที่โฆษณาได้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์หลากหลายโดนใจผู้ชมดันเรตติ้งช่วงไพร์มไทม์ทั้งเช้าและเย็นติดอันดับ 1-2 ของประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ารายได้รวมปี 61 ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ 5,800 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 65% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขพุ่งทะยานสูงสุดนับตั้งแต่เปิดบริษัท อันเป็นผลจากการดำเนินงานที่วางไว้ภายใต้แนวคิด “ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit)” รุกเปิดโอกาสตัวเองกับธุรกิจใหม่ๆ

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ มองว่าการขายหุ้นของผู้ถืออันดับ 2 ในครั้งนี้ไม่กระทบต่อราคาหุ้นของ RS อีกทั้งราคาที่ขายยังสูงกว่าราคาในตลาด ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของ RS ในปีนี้ยังดีอยู่ สำหรับไตรมาส 1/61 คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 106 ล้านบาท โต 125% เทียบจากปีก่อน

ส่วนรายได้อยู่ที่ 943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เทียบจากปีก่อน และ 3% เทียบจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจมีเดียที่ปรับตัวลดลง 20% เทียบจากปีก่อนและ 33% เทียบจากไตรมาสก่อน จากเม็ดเงินโฆษณารวมในช่วง 2 เดือนแรกปี 61 ได้ปรับตัวลดลง 7.15% เทียบจากปีก่อนและเม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มทีวีรวมปรับตัวลดลงถึง 9.23% เทียบจากปีก่อน รวมทั้งรายได้จากธุรกิจ Multiple Platform Commerce (MPC) ยังคงเติบโตโดดเด่นที่ 176% เทียบจากปีก่อนอยู่ที่ 550 ล้านบาท

ทั้งนี้ยังคงเชื่อมั่นว่ารายได้จากธุรกิจหลักของบริษัทในปี 61 ยังคงเติบโตโดดเด่น ทั้งจากการฟื้นตัวของธุรกิจมีเดีย และรายได้จากธุรกิจ MPC ที่ยังคงเติบโตสูงต่อเนื่องจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้า และปรับกลยุทธ์การขายโดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ขณะเดียวกันด้วยศักยภาพของบริษัทฯเชื่อมั่นว่าในปี 61 RS จะสามารถ Deliver robust earnings growth +148% เทียบจากปีก่อนได้ตามที่คาดอยู่ที่ 827 ล้านบาท

ทั้งนี้ปัจจุบัน RS เทรดอยู่ที่ PER 33.3 เท่า และมี PEG อยู่ที่ 0.37 เท่าซึ่งต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมี PER 40.7 เท่า และ PEG 1.20 เท่า จึงมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม”หุ้น RS โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 35 บาท

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” RS ให้ราคาเป้าหมาย 35 บาทต่อหุ้น โดยโมเมนตัมกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งจะยังคงต่อเนื่องในปี 2561 หนุนโดยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว, รายได้จากทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น และรายได้จากธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพ

โดยรายได้ธุรกิจสุขภาพและความงามทำจุดสูงสุดใหม่ทุกๆไตรมาส เราคาดยอดขายสำหรับธุรกิจนี้ที่ 600 ล้านบาทในไตรมาส 1/61 (ทะยานขึ้น 302% เมื่อเทียบจากปีก่อนและ 29% จากไตรมาสก่อน) ส่วนยอดขายเฉลี่ยในเดือนม.ค.-ก.พ. แตะ 200 ล้านบาท/เดือน

สำหรับในปี 2561 บริษัทคาดยอดขายจากธุรกิจดังกล่าวที่ 2.5 พันล้านบาท พุ่งขึ้น 80% จากปีก่อน และประเมินอัตรากำไรขั้นต้นที่ 70% หนุนโดยการขายผ่านโทรศัพท์ขยายตัว (เพิ่ม call center 60 ที่นั่ง สูงขึ้นราว 60% YoY), การเพิ่มสินค้าอีก 41 SKUs (จาก 29 SKUs ณ สิ้นปี 2560 เป็น 70 SKUs ณ สิ้นปี 2561)

โดยมีทั้งสินค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์เองและสินค้าของพาร์ทเนอร์ และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดย RS จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ thickening (ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม แบรนด์ Revive ), ครีมกันแดด และโทนเนอร์ (ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แบรนด์ Magique ) ในปีนี้ อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออแกนิคในไตรมาส 3/61 และตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนสินค้าจากพาร์ทเนอร์อีกเท่าตัวในปีนี้

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ RS ให้ราคาเป้าหมาย 34 บาทต่อหุ้น โดยปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดีจากการเพิ่มจำนวน Call Center เพื่อรองรับทำ Out-Bound Call มากขึ้นบวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีพร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง 8 ให้สอดคล้องกับRating ที่สูงขึ้น

Back to top button