เปิด 4 ประเด็นเด็ดน่าจับตาวันนี้ โบรกฯ แนะ Defensive-Domestic Play

เปิด 4 ประเด็นเด็ดน่าจับตาวันนี้ โบรกฯ แนะ Defensive-Domestic Play


บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า SET จะอ่อนตัวลงในช่วงแรกโดยอิงจากตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ปรับตัวลงในช่วงที่บ้านเราปิดทำการ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ขยับลง อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากรอบการลบจะไม่กว้างนักและมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวระหว่างวัน

โดยประเมินว่าผลกระทบเชิงลบจากประเด็นโจมตีซีเรียจะจำกัดเนื่องจากไม่ได้ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียตามที่กังวล อย่างไรก็ตามจากปัจจัยต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนเราจึงยังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Defensive ยังน่าจะเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด

กลยุทธ์ : ยังเน้น Defensive และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX

ส่วน Fund Flow ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$227ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$346ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$48ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$322ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคติดตามสถานการณ์ในซีเรียที่ล่าสุดยังมีการโจมตีแต่ลดความตึงเครียดลง

สำหรับประเด็นสำคัญวันนี้

(0) คาดผลกระทบสหรัฐฯโจมตีซีเรียจำกัด เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณโจมตีไปแล้วล่วงหน้า และตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ปรับฐานมาแล้วพอควร อีกทั้งกรอบการโจมตีค่อนข้างจำกัดและไม่แตะต้องทรัพย์สินของรัสเซีย จึงไม่น่าจะยืดเยื้อ และเมื่อเทียบกับเหตุการณ์สั่งโจมตีซีเรียครั้งก่อน SET เมื่อ 17 เม.ย. 61 ทองคำและน้ำมันดิบขึ้นราว 1% ค่าเงินรูเบิ้ลอ่อนค่ามากสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่แทบไม่ได้รับผลกระทบ น้ำหนักกำหนดทิศทางตลาดทั่วโลกจึงอยู่ที่ผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของ บจ. มากกว่า

(+) SET มักปรับตัวขึ้นได้ดีหลังสงกรานต์ สถิติ 5 ปีย้อนหลังบ่งชี้ว่า SET มักปรับตัวขึ้นได้ดีราว 1-2% ในช่วง 5 วันทำการหลังสงกรานต์ กลุ่มที่เคลื่อนไหวดีกว่า SET คือ แบงก์ โรงพยาบาล ท่องเที่ยว ขณะที่ยอดซื้อขายของต่างชาติเป็นบวกเฉลี่ย 2.8 พันล้านบาท ในส่วนของแนวโน้มปี 61 รูปแบบการเคลื่อนไหวคล้ายปี 59 ซึ่งเป็นปีที่ SETขึ้นหลังสงกรานต์ 1.8%

(+) คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของกลุ่มแบงก์ คาดกำไรไตรมาส 1/61 ของกลุ่มแบงก์ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียม โดยคาดกำไรทั้งกลุ่มที่ 5 หมื่นล้านบาท +22% เทียบจากปีก่อน จากการตั้งสำรองที่ลดลงทั้ง General Provision และ IFRS 9 แต่คาด -2.5% เทียบจากปีก่อน จากแรงกดดันของ CoF ที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มตามการลงทุนด้านไอที โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีกำไรโตทั้งเทียบจากปีก่อน และ เทียบจากปีก่อน คือ BBL KBANK BAY TMB และ TISCO

(+) เม็ดเงินโฆษณาเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 23% เทียบจากเดือนก่อน แต่ลดลง 7% เทียบจากปีก่อน ตามสื่อ TV Analog (ส่วนแบ่ง 37%) ที่เพิ่มมาก 32% เทียบจากเดือนก่อน แต่ยังลดลง 16% เทียบจากปีก่อน

ขณะที่ช่องทีวีดิจิตอล (ส่วนแบ่ง 26%) เพิ่ม 30% เทียบจากเดือนก่อน, 28% เทียบจากปีก่อน ตามการใช้จ่ายโฆษณาที่กลับมาเข้าช่วง High season รวมไตรมาส 1/61 เม็ดเงินโฆษณายังลดลง 7% เทียบจากปีก่อน โดยสื่อ TV Analog ที่กลับมาเพิ่มมากเทียบจากเดือนก่อน เพราะละครบุพเพสันนิวาส แต่ทั้งไตรมาสไตรมาส 1/61 ยังลดลง 16% เทียบจากปีก่อน

ขณะที่ช่องทีวีดิจิตอลเพิ่ม 28% เทียบจากปีก่อน และสื่อ Outdoor เพิ่ม 9% เทียบจากปีก่อน คงมองแนวโน้มผลประกอบการรวมกลุ่ม Media ในไตรมาส 1/61 เพิ่มขึ้นเทียบจากไตรมาสก่อนจากฐานต่ำไตรมาสก่อน แต่อ่อนลงเมื่อเทียบจากปีก่อน Top-pick ในกลุ่ม คือ RS (TP 35) ตามด้วย PLANB (TP 7.10) ส่วน BEC (TP 10.50) และ WORK (TP 98) แนะนำเพียงถือ และแนะนำขาย VGI (TP 6.80)

Back to top button