กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ โบรกฯ แนะจับตา 6 กลุ่มหุ้นเด่นมีปัจจัยบวกหนุน

กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ โบรกฯ แนะจับตา 6 กลุ่มหุ้นเด่นมีปัจจัยบวกหนุน


บล.ไอร่า ระบุว่า SET วันนี้มีคาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ขณะที่สถานการณ์ในซีเรียยังทรงตัว หลังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยิงขีปนาวุธ โจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวลง

อย่างไรก็ตามยังแนะให้ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ก่อนหน้านี้มีการตอบโต้ไปมา จากการทยอยประกาศรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้ง 2 ประเทศ แม้จะยังไม่มีบังคับใช้ในทันที และเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ (+) ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ยังส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่น่าสนใจ เช่น PTT (คาดยังมีแรงเก็งกำไรจากประเด็นการแตก Par) และ PTTEP เป็นต้น (-) Fund Flow หลังต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง สูงกว่า 3,800 ล้านบาท แต่ยังได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศ ที่ซื้อสุทธิต่อเนื่อง

ขณะที่เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยประกาศสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ยังแนะติดตามการประชุม กบง. วันที่ 20 เม.ย.61 หลังกระทรวงพลังงานให้ทบทวนโครงสร้างการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะลดค่าพรีเมียมลง ซึ่งอาจส่งผลบ้างต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น

รวมถึงยังมีประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะจากการยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้งในเดือนก.พ.62

อย่างไรก็ตามในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกจากความคืบหน้าโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน

รวมทั้งล่าสุด รมว.คมนาคม คาดในเดือนพ.ค. – มิ.ย.นี้ เสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ และงานเดินรถ จะรวมเป็นรูปแบบ PPP และเตรียมจะเสนอ ครม.ได้ประมาณไตรมาส 3/61 และยังแนะจับตา

(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น

(2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP, BANPU, SPRC

(3) กลุ่มสื่อ ได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นโดดเด่น เช่น MONO

(4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น CENTEL, ERW, SPA

(5) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT และ PSL จากค่าระวางเรือ และ BTS จากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน

Back to top button