2 หุ้นดาวเด่นกลุ่มยานยนต์

ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือนมีนาคม 2561 ที่ 1.95 แสนคัน โต 9.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยแรงหนุนบวกจากยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศโตเด่น 22.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งช่วยชดเชยยอดผลิตเพื่อส่งออกที่เติบโตเพียง 0.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 12.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.95 แสนคั


เส้นทางนักลงทุน

ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือนมีนาคม 2561 ที่ 1.95 แสนคัน โต 9.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยแรงหนุนบวกจากยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศโตเด่น 22.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งช่วยชดเชยยอดผลิตเพื่อส่งออกที่เติบโตเพียง 0.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 12.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.95 แสนคัน

ผลพวงจากการได้ผลบวกจากการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อรวมถึงการจัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 39 ได้รับกระแสตอบรับดีหนุนยอดจองรถยนต์เพิ่มขึ้น สำหรับยอดส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 1.11 แสนคัน หลักๆ มาจากตลาดตะวันออกกลางที่เติบโตดี หลังสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

ทำให้จากยอดผลิตรถยนต์ช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ 5.40 แสนคัน โต 11.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยอดขายในประเทศและยอดส่งออกไปต่างประเทศสดใส โดยเพิ่มขึ้น 12.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 3.8% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ

ผลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายประเมินว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มยานยนต์คาดมีแนวโน้มเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามทิศทางอุตสาหกรรม

ด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่คาดว่าได้รับประโยชน์และผลประกอบการอาจปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวดีขึ้น 11.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงคาดว่าจะได้ผลบวกจากแผนลดต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น

บริษัทที่อาจจะได้อานิสงส์ ได้แก่ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH, บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT  

ในส่วนของ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH คาดรับอานิสงส์จากภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตและคาดหนุนรายได้โตแล้ว การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมต้นทุนที่ทำอย่างต่อเนื่อง คาดจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนผลดำเนินงาน AH เช่นกัน

โดยคาด Gross Margin จะปรับตัวดีขึ้นแตะ 6.6% จาก 6.3% ในปี 2560 รวมถึง SG&A/Sales ลดลงจาก 5.9% ในปี 2560 เป็น 5.6% และเมื่อรวมกับส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมที่คาดปรับเพิ่มขึ้น หลักๆ มาจาก บ.ฮุนได และ บ.เอเบิล ซาโน่ คาดผลประกอบการดีขึ้น บวกกับรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจาก SGAH ทำให้ทางฝ่ายประเมินกำไรปกติปี 2561 คาดแตะ 1,281 ล้านบาท เติบโต 20.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลประกอบการช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 คาด AH จะมีกำไรปกติ 376 ล้านบาท โต 31.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 3.6% จากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน คาดได้แรงหนุนจาก 1)รายได้จากการขายและบริการคาดโต 4.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนตามทิศทางอุตสาหกรรม

2)การคุมต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพหนุน Gross Margin คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 7.9% จากช่วงไตรมาส 1 ปี 2560 ที่ 7.7% และ 3)ดอกเบี้ยรับจาก SGAH ซึ่งคาดรับรู้ประมาณ 80-90 ล้านบาท (10 ล้านเหรียญ) และ ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทร่วม ซึ่งหลักๆ จาก บ.ฮุนได, บ.เอเบิล ซาโน่ และ SGAH

ทางนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมทั้งประเมินราคาพื้นฐานปี 2561 อยู่ที่ 45.75 บาท อิง P/E 11.5 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี

ขณะที่ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT  มีการประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ 195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นผลจากในงวดไตรมาส 4 ปี 2560 มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ที่เกิดจากการโอนกิจการของธุรกิจสปริง (BSK-เดิม SAT ถือหุ้นใน BSK 100%) ไปยังบริษัทร่วมทุน ค่อนข้างมาก

ส่วนถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษจะทำให้ไตรมาส 1 ปี 2561 กำไรปกติเติบโต 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 7% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวขึ้น 11.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 5.6% จากไตรมาสก่อน

สำหรับในด้านรายได้งวดไตรมาส 1 ปี 2561 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 14% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีการรับรู้รายได้จาก BSK ที่เปลี่ยนไปเป็นบริษัทร่วมทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 17% จากไตรมาส 1 ปี 2560 ที่ 15.9% และไตรมาส 4 ปี 2560 ที่ 14.2% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้น และคาด SG&A จะลดลง 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 11% จากไตรมาสก่อน ตามทิศทางรายได้ที่ลดลง และสามารถควบคุมต้นทุนโดยรวมได้ดีขึ้น

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปกติปี 2561 ขึ้นจากเดิมราว 4% เป็น 811 ล้านบาท เติบโต 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบเป็นกำไรสุทธิคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากในปี 2560 มีกำไรพิเศษค่อนข้างมาก

ทั้งนี้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จะปรับตัวลดลงเหลือ 5.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง 10.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัวได้ดี จากยอดผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 3-6% จากแรงหนุนของยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เติบโต

รวมถึงคาดว่ายอดขายในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดีขึ้น จากยอดผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 หมื่นคัน เติบโต 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีกราว 400 ล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปี 2561 ยังคงประเมินที่ 17% จากปี 2560 ที่ 15.5% และส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นแทน

ทางนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2561 ขึ้นเป็น 23 บาท จากเดิม 22 บาท เนื่องจากมีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขึ้น โดยยังคงอิง PER ราว 12 เท่า และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มกำไรในปี 2561 ที่ยังคงขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่อง ขณะที่ SAT ยังอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต คาดจะเห็นความชัดเจนปีนี้

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น AH, SAT จากปัจจัยบวกของยอดการผลิตยานยนต์ที่ปรับตัวขึ้นและการคาดการณ์กำไรไตรมาส 1 ปี 2561 จะเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จึงหวังว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นช่วงระยะสั้นๆ นี้ได้

Back to top button