ขึ้นต้องขาย

*ตลาดหุ้นไทยพุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,768.31 จุด บวกไป 14.14 จุด หรือขึ้นไป 0.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.72 หมื่นล้านบาท การปรับตัวขึ้นมาครั้งนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเหมือนการลอยตัวของฟองสบู่ ลอยตัวสูงแต่มีน้ำหนักเบาบางและพร้อมจะแตกตัววกกลับลงมาได้ทุกเมื่อ หลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดที่สุดเห็นจะเป็นการที่หุ้นขึ้นไปถึง 14 จุด แต่มูลค่าซื้อขายเบาบางเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่านักลงทุนมองเห็นภาพของการลงทุนแบบเดียวกันน่ะสิเจ้าคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ตลาดหุ้นไทยพุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,768.31 จุด บวกไป 14.14 จุด หรือขึ้นไป 0.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.72 หมื่นล้านบาท การปรับตัวขึ้นมาครั้งนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเหมือนการลอยตัวของฟองสบู่ ลอยตัวสูงแต่มีน้ำหนักเบาบางและพร้อมจะแตกตัววกกลับลงมาได้ทุกเมื่อ หลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดที่สุดเห็นจะเป็นการที่หุ้นขึ้นไปถึง 14 จุด แต่มูลค่าซื้อขายเบาบางเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่านักลงทุนมองเห็นภาพของการลงทุนแบบเดียวกันน่ะสิเจ้าคะ

*การที่หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมาไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้นหล่นฮวบฮาบลงมาจากต้นปีอย่างน่าเป็นห่วง ส่วนการทำนายผลประกอบการไตรมาส 2 เมื่อดูผลงานจากไตรมาสแรกแล้วคงไม่กล้าเชียร์ให้ซื้อแบบสุดลิ่มทิ่มประตูส่วนหุ้นที่เป็นตัวบิ๊วท์อารมณ์ดัชนียังเป็นหุ้นบลูชิพ หลังจากเห็นการทำหน้าที่ดันหุ้นของกองทุนตัวแสบออกมาแบบเป็นระยะ ๆ

*เมื่อรูปแบบการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นแบบนี้ สิ่งที่น้องโมอยากจะแนะนำเป็นเรื่องของการชิงขายเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ทุกครั้งที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมักเป็นการปรับขึ้นเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแถมการถีบตัวขึ้นเห็นยอดสูงสุดของแต่ละทีต่ำลงเรื่อย ๆ มันเป็นการเคลื่อนตัวแบบสาละวันเตี้ยลง ๆ ใครอยากจะถือโอกาส Cut loss ก็รีบฉวยโอกาสนี้ไว้จะดีกว่านะเจ้าคะ

*เห็นได้จากในรายของหุ้น DDD ยังคงโดนกระหน่ำเทขายออกมาเหมือนยังไม่หนำใจ จนราคาหุ้นอ่อนตัวมาปิดที่ระดับ 69.00 บาท ลบ 5.50 บาท หรือ 7.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 273.22 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตขายต่อเนื่องของกลุ่มคนที่ยังระบายหุ้นออกจากพอร์ตไม่หมด งานนี้ถึงจะมีพระดีก็ต้านแรงขายเอาไว้ไม่อยู่ถึงได้เห็นหุ้นทำนิวโลว์ตั้งแต่เข้าตลาดต่อเนื่องยังไงล่ะเจ้าคะ

*ส่วนในรายของ VCOM หลังเจอมหกรรมเทขายหุ้นยาว 8 วันติด เริ่มเห็นแสงสว่างการฟื้นตัวหลังคว้างานระบบสารสนเทศใหม่ในกัมพูชามูลค่าเฉียด 500 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่จะมากู้หน้าผลประกอบการไตรมาส 1 เพราะมูลค่างานดังกล่าวจะรับรู้ทันทีในไตรมาส 2 และจะส่งผลให้กำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงได้เห็นราคาหุ้นดีดตัวไปปิดที่ระดับ 3.12 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.13 ล้านบาท

*สำหรับ KCE วานนี้เทรดพาร์ใหม่ 0.50 บาท รายย่อยชอบของลดราคาเข้าเก็บดันหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 37.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือ 7.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 229.50 ล้านบาท ถึงแม้ผลประกอบการไตรมาส 1 ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่แผนเพิ่มกำลังการผลิตดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง เพราะไตรมาส 3 รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นช่วง High Season เห็นทีหุ้นน่าจะวิ่งแตะเป้าหมาย 42 บาทได้อีกไม่นาน แบบนี้สิเค้าถึงเรียกว่าถูกที่ถูกเวลา…อิอิ

*ส่วนในรายของ STEC ทะยานขึ้นมาปิดที่ 21.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.39% มูลค่าซื้อขาย 591.43 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน “โมนิก้า” มองเป็นการจุดไฟติดจากผลงานที่ค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปกับผลงานที่เหลือของปี จะเติบโตจาก Backlog ระดับแสนล้านไว้เต็มกระเป๋า ทยอยรับรู้รายได้ไปอีกยาว ๆ พ่วงสตอรี่คว้างานเสริมทัพอีกเพียบ แรงซื้อถึงได้ไหลเข้ามายังไงล่ะเจ้าคะ

*ในรายของหุ้นโรงแรมอย่าง DTC ราคาติดลมบน ล่าสุดมาปิดที่ 16.70 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 15.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 383.25 ล้านบาท ส่วนปัจจัยที่ส่งให้ราคาหุ้น “เหินฟ้า” มาได้ไกลขนาดนี้ ก็คงเป็นเพราะผลงานในไตรมาส 1/2561 ที่ทำกำไรไว้ได้ 229.65 ล้านบาท โต 85% จากปีก่อน พ่วงด้วยพันธมิตรยักษ์ใหญ่เข้าซื้อบิ๊กล็อต ถือเป็นการสร้างความมั่นใจแผนร่วมลงทุนน่ะสิหุ้นถึงได้วิ่งแรงไม่สนสัญญานเทคนิค

*ปิดท้ายกันด้วยหุ้นในกระแส (ลบ) อย่าง EFORL เปิดแผน 2 ด้วยการเอาข่าวเก่ามาเล่าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแผนใช้เงินเพิ่มทุนขยายธุรกิจ ไปจนกระทั่ง 5 ขาใหญ่ PP ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะมาชุบบ่อเหลืองให้กลายเป็นบ่อทอง แต่ดูเหมือนว่าแผนนี้จะไม่เวิร์คสักเท่าไหร่ ในเมื่อหัวเรือใหญ่เพิ่งจะประกาศอำลาวงการไปหยก ๆ แถมหนทางการฟื้นธุรกิจก็ยังอีกยาวไกลเกินกว่าจะมาพูดเรื่องเทิร์นอะราวด์ จึงเป็นที่มาของราคารูดลงมากองอยู่ที่ 0.08 บาท ลบไป 0.01 หรือลบไป 11.11% ด้วยมูลค่า 4.37 ล้านบาท ถึงแม้ภาวะตลาดวันนี้จะเป็นใจให้หุ้นชาวบ้านเค้าวิ่งกันสุดซอยน่ะสิเจ้าคะ

Back to top button