BEAUTY กับศรัทธาคลอนแคลน

ไม่ต้องรอให้ “หมอสุวิน ไกรภูเบศ” และภรรยา คือ “คุณพร” ขายหุ้นออกมาในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน (แต่ยังมีกำไรหลายพันล้านบาท) เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงจะมีปรากฏการณ์ถล่มเทขายหุ้น BEAUTY เกิดขึ้น!!


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ไม่ต้องรอให้ “หมอสุวิน ไกรภูเบศ” และภรรยา คือ “คุณพร” ขายหุ้นออกมาในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน (แต่ยังมีกำไรหลายพันล้านบาท) เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงจะมีปรากฏการณ์ถล่มเทขายหุ้น BEAUTY เกิดขึ้น!!

เพราะทันทีที่เกิดสิ่งที่ถูกอ้างกันว่าเป็น “ข่าวลือ” สะกิดเบา ๆ เพียงปลายขน ราคาหุ้น BEAUTY เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็พลันทรุดตัวลงฮวบฮาบ ประหนึ่งว่าเป็นหุ้นเกือบจะไร้ซึ่งพื้นฐานทางความเชื่อมั่นไปเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น

โดยราคาหุ้นเปิดตลาดมาที่ระดับ 19.2 บาท ก่อนปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวัน ที่ระดับ 19.4 บาท จากนั้นคล้อยหลังเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เริ่มมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้นทุกที จนหุ้นลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 17 บาท ก่อนจะสะดุ้งเฮือกขึ้นมาปิดที่ระดับ 17.3 บาทในช่วงเย็น ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงถึง 2.72 พันล้านบาท

นี่จึงเป็นที่มาของการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น “ปรากฏการณ์ทิ้งหนีตาย!” ฉันใดก็ฉันนั้น

แต่ก็แน่นอน ที่ปรากฏการณ์พรรค์อย่างว่านี้สามารถเกิดขึ้นได้นั้น คงต้องมีต้นสายฉนวนเหตุที่ส่งผลให้ศรัทธาของนักลงทุนน้อย-ใหญ่ที่มีต่อหุ้นปรุงแต่งความสวยงามตัวนี้ ต้องตกอยู่ในระดับที่เปราะบางจนเข้าขั้นวิกฤต มิเช่นนั้นคงไม่ได้เห็นการ “ตั้งขายทุกราคา” เกิดขึ้นเช่นเมื่อวันก่อน

ส่วนอะไรคือสาเหตุ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดเยอะก็คงพอเดาออก ซึ่งเจ้าของใหญ่ (แต่อาจชอบมีหุ้นน้อย) อย่างหมอสุวิน เคยออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอนาคตอันรุ่งโรจน์ของ BEAUTY มาหลายต่อหลายครั้ง ทว่า…ดันเป็นการให้สัมภาษณ์หลังขายหุ้นเสร็จแล้วเรียบร้อยเกือบจะทุกคราไป น่ะซิจ๊ะนายจ๋า

ยกตัวอย่าง การขายหุ้นครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยหมอและภรรยาขายออกมาได้รวมกัน 140 ล้านหุ้น หรือเกือบ 5% ของหุ้นทั้งหมด ที่ราคา 18.8 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาวันทำการก่อนหน้าที่ 20.2 บาท ก็ได้มีการออกมาชี้แจงแถลงไขว่า ตนได้รับการติดต่อขอซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ โดยมีการระบุชัดเจนดังนี้ว่า

“กลุ่มผู้ซื้อหุ้นได้แจ้งความประสงค์จะเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท เนื่องจากเห็นว่ามีสภาพคล่อง และหุ้นสามารถเข้าไปอยู่ใน SET50 ได้ ประกอบกับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มีนโยบายลงทุนในระยะยาว ส่วนราคาขายก็มีความเหมาะสม มาจากการทำ Book Building ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้ว

ผม คณะผู้บริหาร และบริษัทยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจ และสร้างผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทวางกลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งบริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 4.29 พันล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน”

ก็ถือว่าน่าชื่นใจที่บรรดากองทุนเล็งเห็นข้อดี และต่างพร้อมใจกันอยากซื้อหุ้น BEAUTY ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นเรื่องน่าสนใจที่หมอสุวินคงมองเห็นมูลค่าอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ลึก ๆ ชนิดลึกสุด ๆ จึงยินยอมขายหุ้นให้กองทุนมาร่วมถือด้วย  โดยแทบจะไม่ได้เห็นท่าทีเล่นตัวเลยแม้แต่น้อย…

นอกจากนี้ จากการสำรวจรายงานของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ปรากฏพบชื่อหมอและภรรยาขายหุ้นออกมาทั้งสิ้น 482.75 ล้านหุ้น ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ซึ่งนั่นทำให้บุคคลทั้งคู่สามารถบุ๊คเงินสดเข้ากระเป๋าไปได้แบบเบ็ดเสร็จเกือบ 7 พันล้านบาท

“ปรากฏการณ์ทิ้งหนีตาย” ที่เกิดขึ้นอีกระลอกในคราวนี้คงเป็นตัวสะท้อนภาพ “ศรัทธาคลอนแคลน” หรือความเชื่อมั่นอันเปราะบางของหุ้นตัวนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะในขณะที่มีการพร่ำบอกถึงสรรพคุณต่าง ๆ  อยู่ตลอดเวลา แต่มิวายมีการขายหุ้นเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กันเสมอ

คำว่า “ศรัทธา” จะถือเป็นสาระสำคัญสำหรับใครหรือไม่ ก็คงไม่มีใครสามารถตอบแทนใครได้ทั้งนั้น…

ที่แน่ ๆ ใครคนนั้นที่ซึมซับรับประโยชน์จากยอดขายที่เติบโตขึ้นในทุกไตรมาส ด้วยเงินทุนเพียงหยิบมือ (เมื่อเทียบผลตอบแทน) อย่างน้อยคงต้องมีชื่อ “หมอสุวิน” ท่านนี้ติดไปด้วยสักหนึ่งคน เพราะว่าทุกตัวเลขที่เกิดขึ้นในโลกแห่งตลาดทุนที่มีสภาพคล่องย่อมต้องถูกตีมูลค่าด้วย “พรีเมี่ยม” อยู่เสมอใช่หรือไม่ ?

เอ้า…งานนี้ใครตอบดีมีรางวัล!!!

อิ อิ อิ

Back to top button