1MBD กับผลไม้พิษมาเลเซีย

เทศกาล “ลาออกก่อนกำหนด” กำลังร้อนแรงในมาเลเซีย หลังจากการล่มสลายทางการเมืองของพรรคอัมโน ที่รวมทั้ง ผู้ว่าการแบงก์ชาติมาเลเซีย และ CEO เทเลคอม มาเลเซีย ตามมาด้วย CEO เปโตรนาส ที่มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้น เป็นปรากฏการณ์ “ล้างบางครั้งใหญ่สุดในทางการเมืองของประเทศนี้”


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

เทศกาลลาออก “ก่อนกำหนด” กำลังร้อนแรงในมาเลเซีย หลังจากการล่มสลายทางการเมืองของพรรคอัมโน ที่รวมทั้ง ผู้ว่าการแบงก์ชาติมาเลเซีย และ CEO เทเลคอม มาเลเซีย ตามมาด้วย CEO เปโตรนาส ที่มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้น เป็นปรากฏการณ์ “ล้างบางครั้งใหญ่สุดในทางการเมืองของประเทศนี้

ทั้งหมดนี้ขมวดปมไปที่ปัญหาการคอร์รัปชันร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับ กองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ ที่เรียกว่า 1MBD ที่อื้อฉาวมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา

ชัยชนะของรัฐบาลผสมเกิดจากการรวมตัวที่ไม่น่าเป็นไปได้ทางการเมืองของ “แนวร่วมแห่งความหวัง” (Pakatan Harapan) ในการเลือกตั้งชนิดถล่มทลายในวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปฏิบัติการ “กลืนเลือดและความทุกข์ ลืมความหลัง” พร้อมกับทำความเข้าใจกับแนวร่วมและฐานเสียงของตน เพื่อเปิดประตูรับมหาเธร์เข้าเป็นผู้นำหลัก ทำให้เรื่องฉาวโฉ่ที่ทำลายความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของมาเลเซียร้ายแรงได้รับการสืบสวนสอบสวนจริงจัง

นับแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย กลายเป็นตลาดที่ผันผวนมากที่สุดของอาเซียน เพราะการเมืองเกี่ยวกับความชอบธรรมในตำแหน่งของอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งพรรคอัมโน มีบทบาทครอบงำทิศทางตลาดหุ้นมากเกินขนาด

ตลาดหุ้นกัวลาลัมเปอร์ ถูกโยงใยเข้ากับเกมการเมืองอย่างแยกไม่ออก เมื่อใดมีข่าวร้ายของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ตลาดหุ้นจะดิ่งวูบ แต่หากมีข่าวดี ตลาดหุ้นก็จะพุ่งขึ้นหวือหวา ความเสี่ยงของนักลงทุน และความเสี่ยงของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค กลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างเข้มข้น

นับตั้งแต่สื่อตะวันตกอย่าง The Wall Street Journal ของสหรัฐฯ ลงข่าวว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจมาเลเซียซึ่งกำลังดำเนินการสืบสวนกองทุนแห่งรัฐ (รูปแบบหนึ่งของกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ-SWF) ชื่อ วัน มาเลเซีย ดิเวลอปเมนต์ บีเอชดี (1MDB) ที่มีปัญหาขาดทุนเป็นหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังเริ่มขาดสภาพคล่อง ได้มีคำสั่งอายัดบัญชีธนาคารที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา จำนวน 6 บัญชี จากบัญชีที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ 17 บัญชีของธนาคาร 2 แห่ง และยังได้เปิดเผยเอกสาร 9 ชุด แสดงถึงเส้นทางโอนเงินที่สูญหายไประหว่างการทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศของกองทุน ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ นายนาจิบ ราซัค อย่างละเอียด

กองทุน 1MDB เป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลมาเลเซีย ก่อตั้งโดยนาย นาจิบ ราซัค ในปี 2008 ตอนที่ยังเป็นรองนายกฯ คล้าย ๆ กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ หน้าที่หลักคือเอาเงินไปลงทุนให้เกิดกำไรเข้าประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ แต่ได้กลายเป็นช่องทางปล้นเงินรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซีย

เงินดังกล่าวที่พบในบัญชีของนายนาจิบเป็นเงินบริจาคที่มาจากตะวันออกกลาง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้บริจาค (มีธุรกรรมโอนเงินไปให้บริษัท offshore ที่ถูกตั้งชื่อให้เหมือนกับบริษัทของรัฐบาลอาบูดาบี แต่เป็นบริษัทปลอมที่ตั้งในบริติช เวอร์จิน แล้วโอนเงินจากบริษัทนี้ไปบริษัทตัวแทนอีกแห่ง แล้วค่อยโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนายราซัค รวมกันแล้วถึง 700 ล้านดอลลาร์) ซึ่งนายกรัฐมนตรี ราซัค และคนใกล้ชิด นอกจากออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และขู่ว่าจะฟ้องร้องสื่อ  ก็ยังพยายามอ้างถึง “เกลือเป็นหนอน” ทั้งจากคนในพรรค และจากฝ่ายค้านอย่าง อันวาร์ อิมราฮิม ว่ามีเจตนาร้ายเพื่อโค่นล้มเขา

การตอบโต้แบบสูตรสำเร็จไม่สามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ เพราะดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีระดับรัฐบุรุษ ออกโรงมาเรียกร้องให้นายราซัครับผิดชอบต่อเรื่องที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองมาเลเซีย ที่นายราซัค ไม่สามารถชี้แจงได้

ต่อมาเรื่องบานปลายยิ่งขึ้น เมื่อมีสื่อออนไลน์ที่เริ่มต้นจากเว็บไซต์ ชื่อ ซาราวัครีพอร์ต เว็บที่ก่อตั้งในลอนดอน โดยชาวอังกฤษที่เกิดในรัฐซาราวัค ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็น “วิกิลีกส์แห่งรัฐซาราวัค ได้ทำการแพร่รายละเอียดของความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว แล้วก็มีสื่ออื่น ๆ นำไปขยายความหรือต่อยอดไปทั่ว

ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า ราซัคทำการยักยอกเงินผ่านแหล่งที่แตกต่างกัน 8 แห่ง รวม 2 ล้านริงกิต ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2558 โยงใยเกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB เข้าสู่บัญชีธนาคารแอมแบงก์ สาขากัวลาลัมเปอร์ที่มีชื่อของนาจิบ ราซัค และภรรยา ที่โยงใยเข้ากับเจ้าชายเตอร์กีแห่งซาอุดีอาระเบีย เจ้าของบริษัทปิโตรซาอุดิ (PetroSaudi)  โดยการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ PetroSaudi อ้างเพื่อลงทุนธุรกิจน้ำมัน เป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญ เสมือนมีการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลกำไร แต่จริง ๆ บริษัทบางส่วนถูกตั้งขึ้นหลอก ๆ เพื่อใช้ถ่ายเทเงินเล็ดลอดไปเข้าบริษัท offshore ในสวิส ที่ตั้งบังหน้าโดย Jho Low คนสนิทของนายราซัค และยังมีการออกบอนด์ผ่าน โกลด์แมน แซคส์ อีก 1.4 พันล้านเหรียญ ส่วนอีก 1.3 พันล้านเหรียญโอนผ่านไปที่บริษัท offshore ในสวิส

หลักฐานชัดเจน คือ รูปภาพของราซัคกับครอบครัวไปเที่ยวช่วงหยุดฤดูร้อนร่วมกับเจ้าชายเตอร์กี และผู้อำนวยการอีกสองคน ซึ่งอ้างว่าเป็นการพยายามเอาใจราซัคเพื่อขอทุนจาก 1MDB

รัฐบาลและนายราซัค เริ่มปิดปากสื่อในกรณี 1MDB หลายวิธี รวมทั้งสร้างสื่อเทียมขึ้นมาตอบโต้ข้อกล่าวหา และให้กระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งห้ามหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับในเครือ  The Edge  Media Group วางจำหน่ายเป็นเวลา 3 เดือน และมีการปลดและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนขนานใหญ่ แต่กลับกลายเป็นหัวเชื้อเร่งให้เกิดแนวร่วมฝ่ายต่อต้านนายราซัค เพิ่มปริมาณและคุณภาพมากขึ้น มีการก่อตั้งกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองที่เขียนคำว่า  เบอร์ซีห์ 4 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การประท้วงที่หน้าอกเสื้อ

แรงประท้วงยิ่งเพิ่มน้ำหนักเมื่อ ศาลสูงของมาเลเซีย ได้ชี้ขาดให้ยกเลิกคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยห้ามวางจำหน่ายหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับในเครือ The Edge  Media Group โดยให้เหตุผลว่า ไม่ได้ให้โอกาสแก่ทางบริษัทในการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น แนวร่วมต่อต้านราซัคยิ่งขยายตัว ถึงขนาดที่ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย ออกมาพูดตรง ๆ ว่า ชาวมาเลเซียมีสิทธิที่จะได้รับคำตอบเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของกองทุน 1MDB ในทุกคำถาม

กลุ่มเบอร์ซีห์มาเลเซียพากันจัดการชุมนุมเดินขบวนบนท้องถนนของกรุงกัวลาลัมเปอร์หลายครั้งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีราซัค พ้นจากตำแหน่ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต แต่ความชอบธรรมของนายราซัคสิ้นสุดลงอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ทำการสอบสวนคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB หลังมีรายงานว่า อดีตสมาชิกพรรครัฐบาลมาเลเซียคนหนึ่ง ถูกจับกุมขณะกำลังจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบในคดีดังกล่าว รวมถึงกรณีที่สวิตเซอร์แลนด์ได้อายัดบัญชีของ 1MDB ในธนาคารสวิสแล้ว และเจ้าหน้าที่ฮ่องกงเริ่มทำการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกองทุนดังกล่าว

สถานการณ์รุมเร้าที่เกิดขึ้น ทำให้ค่าเงินริงกิตมาเลเซียร่วงต่อเนื่องจนไม่มีใครอยากจะถือเอาไว้ยาวนาน เพิ่งจะมาฟื้นตัวหลังเลือกตั้งล่าสุดเมื่อพรรคอัมโนพ่ายแพ้ยับเยิน และมีปฏิบัติการล้างบาง ที่ตามมาด้วยเทศกาลลาออกของหน่วยงานรัฐตามมาต่อเนื่อง

เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะการเปิดโปงที่ลึกลงไปเรื่อย ๆ ในอนาคต จะกลายเป็นตำนานของ SWF ระดับโลกกันต่อไป 

จะเป็นโชคดี หรือโชคร้ายไม่รู้ ที่เมืองไทย ไม่มี SWF กับใครเขา

Back to top button