กลเกมกลโกงหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่” (ภาค1)

กลายเป็นบริษัทนอกตลาดที่มี “ดราม่าหุ้น” เกิดขึ้นมากกว่าบริษัทที่อยู่ในตลาดฯ เสียอีก สำหรับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH โดยเฉพาะเมื่อถูกกล่าวขานว่าเป็นแหล่งรวมศูนย์บรรดานักลงทุนขาใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงเหล่าผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ก็พากันแห่มาซื้ออนาคตของหุ้นตัวนี้ติดไม้ติดมือไว้บ้าง มากน้อยต่างกันไป


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

กลายเป็นบริษัทนอกตลาดฯ ที่มี “ดราม่าหุ้น” เกิดขึ้นมากกว่าบริษัทที่อยู่ในตลาดฯ เสียอีก สำหรับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH โดยเฉพาะเมื่อถูกกล่าวขานว่าเป็นแหล่งรวมศูนย์บรรดานักลงทุนขาใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงเหล่าผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ก็พากันแห่มาซื้ออนาคตของหุ้นตัวนี้ติดไม้ติดมือไว้บ้าง มากน้อยต่างกันไป

ซึ่งการที่ “หุ้นวินด์ฯ” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามชนิดที่ใครต่างก็แย่งกันซื้อ ประหนึ่งแจกฟรีนั้น คงต้องยกเครดิตส่วนใหญ่ให้กับดอกเตอร์คนดังแห่งค่าย “เอเซีย พลัส” อย่างก้องเกียรติ โอภาสวงการ ผู้ซึ่งฉายภาพความมั่งคั่งที่ผู้ถือหุ้น “พรีไอพีโอ” ของ WEH จะได้ลิ้มรส หลังนำขึ้นตีทะเบียนเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

อย่างไรก็ดี ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้และในอนาคตก็คงไม่มีความจำเป็นต้องเอาชื่อก้องเกียรติมาพูดถึงให้เสียเวลาอีกต่อไป เพราะถือว่าลอยลำตามแบบฉบับ “เรียบร้อยโรงเรียนดร.เค” ไปแล้ว ขณะนี้มีเพียงชื่อ ณพ ณรงค์เดช กับ นพพร ศุภพิพัฒน์ และเรื่องราวระหว่างคน 2 กลุ่มนี้เท่านั้นที่จะเป็นตัวชี้ชะตาอนาคตของ WEH ว่าจะใกล้หรือว่าไกลอย่างไร

สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WEH ฉบับคร่าว ๆ ประกอบด้วย บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KPNET (เดิมคือบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอร์ยี่ฯ หรือ REC ซึ่งณพได้ซื้อมาจากนพพร) ถือหุ้นในสัดส่วน 60% ขณะที่อีก 40% เป็นการถือหุ้นของบรรดาเสี่ยต่าง ๆ นั่นรวมถึงชื่อประเดช กิตติอิสรานนท์ ที่ผู้คนในสังคมกำลังพูดถึงเป็นอย่างมากอีกด้วย

ด้านโครงสร้างของ KPNET ประกอบด้วย บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ KPNEH ถือหุ้นในสัดส่วน 49.94% บริษัท ฟูลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด หรือ Fullerton ในสัดส่วน 49% และณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ มือการเงินคู่กายณพ ถือหุ้นในสัดส่วนที่เหลืออีก 1.06%

ไฮไลต์สำคัญอยู่ตรงการถือหุ้นของ KPNEH ซึ่งเป็นการซื้อหุ้น “REC เดิม” มาจากบริษัท เน็กซ์ โกลบอล อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด หรือ NGI และ บริษัท ไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ส ลิมิเต็ด หรือ DLV ขณะที่การถือหุ้นของ Fullerton เป็นการซื้อหุ้นมาจากบริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ทเนอร์ส ลิมิเต็ด หรือ SPL

ซึ่งบริษัท 2 แห่งและบุคคลอีก 1 รายจากฝั่งผู้ซื้อถือว่าเป็น “กลุ่มเคพีเอ็น” ภายใต้การดำเนินการของณพ ขณะที่บริษัท 3 แห่งจากฝั่งผู้ขาย เป็นบริษัทภายใต้การบริหารจัดการ และปรากฏชื่อของนพพรเป็นเจ้าของ

ความวุ่นวายอลหม่าน รวมถึงการฟ้องร้องคดีความกันยุ่บยั่บจึงเกิดขึ้นในบัดดล หลังนพพรออกมาป่าวประกาศดัง ๆ (ชนิดไม่ต้องสนใจใครเรื่องตนเป็นผู้ต้องหาคดี 112) ว่าถูก “ชักดาบค่าหุ้น” พร้อมกับต่างฝ่ายต่างออกมาให้ข้อมูลทั้งในที่ลับและที่แจ้ง จนเกิดความสับสนอีนุงตุงนังไปกันทั้งยุทธจักรที่เต็มเปี่ยมด้วยความโลภกระหายแห่งนี้  

กลเกมกลโกงเรื่องนี้จะน่าสนใจอย่างไร โดยเฉพาะในส่วน “การโอนย้ายถ่ายเทหุ้น” รวมถึง “จดหมายน้อยจากพ่อ พี่และน้อง” และเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระยาจักรีแห่งยุค WEH” โปรดติดตามกันต่อวันพรุ่งนี้ วันนี้ลาไปก่อน…

ปล.บุคคลและ/หรือองค์กรอื่น ๆ ที่น่าจับตามอง ได้แก่ …แอ่นแอ๊น ประเดช กิตติอิสรานนท์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB นั่นเอง

…อิ อิ อิ…

Back to top button