ต้นแรง..ปลายแผ่ว

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบ W-Shape แบบเจาะลึกไปถึงแก่นแท้ของการเคาะขวารัว ๆ “โมนิก้า” บอกได้ในทันทีว่า นี่เป็นเกมที่นักเล่นต้องทำใจมากขึ้นกว่าเดิมค่อนข้างเยอะ เพราะผลลัพธ์ของการวิ่งขึ้นแต่ละครั้งผิดรูปผิดร่างไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้าเคยมองเป็นจังหวะของการเทกตัวขึ้นยาว ๆ พอเอาเข้าจริงกลับต้องดูกันวันต่อวัน มันทำให้เดี๊ยนเสียเซลฟ์มากเหลือเกินเจ้าคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบ W-Shape แบบเจาะลึกไปถึงแก่นแท้ของการเคาะขวารัว ๆ “โมนิก้า” บอกได้ในทันทีว่า นี่เป็นเกมที่นักเล่นต้องทำใจมากขึ้นกว่าเดิมค่อนข้างเยอะ เพราะผลลัพธ์ของการวิ่งขึ้นแต่ละครั้งผิดรูปผิดร่างไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้าเคยมองเป็นจังหวะของการเทกตัวขึ้นยาว ๆ พอเอาเข้าจริงกลับต้องดูกันวันต่อวัน มันทำให้เดี๊ยนเสียเซลฟ์มากเหลือเกินเจ้าคะ

*ประกอบกับจุดสูงสุดของการเด้งขึ้นแรงต่ำลงเรื่อย ๆ เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักลงทุนได้รู้ว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่? เพราะฝรั่งตาน้ำข้าวยังคงเทขายหุ้นทิ้งอย่างไม่ลดละ ส่วนกองทุนในประเทศก็ผ่อนแรงซื้อเอาดื้อ ๆ ทุกอย่างเลยไม่สวยงามตามท้องเรื่องที่ควรจะเป็น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจการพุ่งขึ้นแรงของดัชนีในบางวันของสัปดาห์นะจ๊ะ

*ถ้ายังมองเห็นภาพไม่ชัดเจน “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันไปมองเหตุการณ์ในช่วง 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา โดยครั้งแรกดัชนีเด้งขึ้นไปแถว 1,800 จุด ต่อจากนั้นทรุดตัวลงมาแรง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไป 1,790 จุด แล้วก็ทิ้งตัวลงมาอีก ถัดจากนั้นก็วิ่งขึ้นมายืนที่ 1,770 จุด หลังจากนั้นก็ทิ้งตัวลงไปใหม่ แต่ในระหว่างทางมีแรงซื้อประคองหุ้นยืนที่บริเวณ 1,760 จุด ก่อนจะไหลลงยาวอีกรอบนะคะ

*โดยรอบดังกล่าวดัชนีลงไปถึงบริเวณ  1,710 จุด ก่อนจะวิ่งพรวดพราดขึ้นไปถึงบริเวณ 1,750 จุด ต่อจากนั้นก็ทิ้งตัวลงมาแบบนกปีกหัก จนกระทั่งล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ 1,722.04 จุด ลบไป 11.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.34 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการโรยตัวลงมาแบบไร้เรี่ยวแรง จึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะหลุดลงไปถึงบริเวณ 1,700 จุดไงล่ะคะ

*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นน่าจะมาจากแรงเทขายที่กดหุ้น PTT  ลงมากองอยู่ที่ระดับ 51 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.82 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนทิศทางไปอย่างรวดเร็ว แถมยังทำให้โมเมนตัมของหุ้นดูแย่ลงไปอีกด้วยแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นจังหวะที่ลุ้นให้กองทุนตัวแสบเข้ามาดันหุ้นสวนอีกรอบเจ้าคะ

*สำหรับรายที่ดันสวนสำเร็จอย่างหุ้น CPF ก็เป็นอะไรที่สวยงามตามท้องเรื่องมาก เพราะหุ้นสามารถขึ้นมายืนปิดที่ 25.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.85 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดบวกสวนภาวะตลาดหุ้น และยังเป็นการปิดที่แนวต้านครั้งก่อนได้พอดี วันนี้ถึงมีลุ้นเห็นหุ้นไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมพะยะค่ะ

*ส่วนรายที่ลุ้นไม่ขึ้นอย่างน้องสวย BEAUTY ยังคงเป็นมูฟเมนต์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่เผอิญการยืนระยะของหุ้นไม่ค่อยสวยงาม บวกกับสัญญาณ doji star โผล่ขึ้นมาให้เห็นทนโท่ จึงกลายเป็นจังหวะของการถอยฉากเพื่อรอดูสถานการณ์ให้นิ่งกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงเห็นหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ 16.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาทนะจะบอกให้

*ขนาดหุ้นแบงก์ดาวเด่นอย่าง KBANK ยังโดนถล่มแบบหนักหน่วง จนปรากฏแท่งเทียนสีแดงสองแท่งเรียงต่อกัน “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะรูปแบบของหุ้นออกไปในแนวอีกา 3 ตัวค่อนข้างสูง (แท่งเทียนสีแดงสามแท่งเรียงติดกัน) แถมเรื่องนี้ก็ถูกตอกย้ำด้วยการรูดลงมาปิดต่ำสุดของวันที่ราคา 194.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.12 พันล้านบาทไงล่ะพ่อทูนหัว!

*เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่มาเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนมาดูหุ้นเด้งดีเด้งมันอย่างเช่น EPCO กันบ้างดีกว่า เพราะการกระชากขึ้นมาปิดที่ 4.80 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 8.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท มันแฝงไว้ด้วยนัยสำคัญมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแวลูของกิจการที่เพิ่มขึ้น และการดันบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นในไตรมาส 3 เดี๊ยนมองจากมุมไหน..ก็ฟินทั้งนั้น..อิอิอิ

*ส่วนรายที่ทำให้เกิดอาการเสียวซ่านสุด ๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง TAPAC เพื่อทำให้เห็นการดันหุ้นแบบสุดซอย แล้วปล่อยให้ซึมลงอย่างช้า ๆ มันเหมือนการหลอกไปออกของชัด ๆ บวกกับทิศทางของหุ้นก็ไม่สวยสักเท่าไหร่ เดี๊ยนถึงรู้สึกเป็นกังวลที่เห็นหุ้นเปิดกระโดด พร้อมกับเปิดแก๊ปไว้ค่อนข้างกว้าง อีกทั้งหุ้นขึ้นไปถึง 12.80 บาท สุดท้ายลงมาปิดที่ระดับ 12 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 223 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ นะจะบอกให้

Back to top button