BANPU ดีดบวก 3% หลังร่วงยาว 4 วันติด จับตากำไร Q2/61 พุ่ง 4.4 พันลบ. นิวไฮในรอบ 6 ปี

BANPU ดีดบวก 3% หลังร่วงยาว 4 วันติด จับตากำไร Q2/61 พุ่ง 4.4 พันลบ. นิวไฮในรอบ 6 ปี โดยราคาหุ้นปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 19.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.59% สูงสุดที่ระดับ 19.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 654.04 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 19.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.59% สูงสุดที่ระดับ 19.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 654.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BANPU ดีดตัวบวกแรงวันนี้หลังร่วงยาวต่อเนื่อง 4 วันติด นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 20.60 บาท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.61

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 26 บาท/หุ้น โดยเชื่อว่าราคาหุ้น BANPU จะ outperform SET เนื่องจากคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/2561 จะสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 พร้อมกับยังคงเลือก BANPU เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของฝ่ายวิเคราะห์ในกลุ่มพลังงาน พร้อมกับประเมินภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2561 จะมีกำไรสุทธิ 8,385 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 7,900 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2561 ของ BANPU คาดจะมีโอกาสทำกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 4.4 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 96% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,259 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นถึง 450% จากงวดไตรมาสแรกที่มีขาดทุนสุทธิ 1,262 ล้านบาท

โดยกำไรงวดไตรมาส 2/2561 ของ BANPU ที่เติบโตขึ้น มีสาเหตุสำคัญมาจากไตรมาสนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ 2.5 พันล้านบาทจากคดีหงสาเหมือนงวดไตรมาส 1/2561 ประกอบกับมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น 788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1 พันล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษ คาดกำไรจากธุรกิจหลักก่อนภาษี (EBIT) ในไตรมาส 2/2561 จะปรับเพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสแรกมาอยู่ที่ระดับ 6.9 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตถ่านหินในออสเตรเลียลดลง

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BANPU ล่าสุดในวานนี้ (26 มิ.ย. 2561) เปิดการซื้อขายที่ 19.50 บาท ทำราคาสูงสุดของวัน ที่ 19.60 บาท และต่ำสุดของวันที่ 19.20 บาท ก่อนจะมาปิดการซื้อขายที่ 19.30 บาท ปรับลดลง 0.40 บาท หรือคิดเป็นลดลง 2.03% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,771 ล้านบาท ดังนั้น จากฐานราคาปิดที่ 19.30 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 34% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 26 บาท

Back to top button