หุ้นสายการบินแพนิกนักท่องเที่ยวจีนลด เซ่นเหตุเรือล่มภูเก็ต-รัฐปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ

AAV-AOT นำทีมหุ้นสายการบินร่วงหนัก! แพนิกนักท่องเที่ยวจีนลดเหตุเรือล่มภูเก็ต-รัฐปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ


จากกรณีเรือนักท่องเที่ยว ฟีนิกซ์ ไดร์วิ่ง บรรทุกผู้โดยสาร รวมไดมาสเตอร์ จำนวน 97 คน ล่มบริเวณเกาะเฮ ม.3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย สูญหาย 14 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติการกู้เรือและค้นหาผู้สูญหายเพิ่ม

ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศของหุ้นสายการบิน และกลุ่มท่องเที่ยวถูกกดดันจากความกังวลในเรื่องของตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนอาจจะลดลงภายหลังจากมีอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มสายการบินปรับตัวลดลงสวนภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้น 20.64 จุด หรือ 1.27%

โดย บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ปรับตัวลดลงแรงที่สุดในกลุ่ม โดย AAV ปิดตลาดวานนี้ (10 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 4.64 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 4.13% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 180.73 ล้านบาท

ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ลงมาปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 65.50 บาท ปรับตัวลดลง 1 บาท หรือ 1.50% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.90 พันล้านบาท

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยว พบว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเป็นประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงที่สุด โดยในช่วงเดือนมกราคาถึงเดือนพฤษภาคม 2561 ยอดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนอยู่ที่5,030,488 ล้านคน เติบโต 27.38% เมื่อเทียบกับปี 2560

โดย บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับความเสี่ยงจากทัวร์ศูนย์เหรียญ (รอบใหม่) จากประเด็นข่าวธุรกิจเรือล่มที่ภูเก็ต อาจทำให้กระทบทัวร์จีนที่วางแผนมาเที่ยวไทย และการรุกปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญรอบใหม่ ซึ่งประเมินระยะสั้นอาจเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และหุ้นสายการบิน Low-cost เช่น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เป็นต้น

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและปัจจัยลบในระยะสั้นยังคงกดดันราคาหุ้น AAV ต่อไปให้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาท ปรับลดประมาณการกำไรปี 2561-2563 หลังจากที่สะท้อนถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น คงสมมติฐานการขายตั๋ว แต่อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่า โดยปรับลดประมาณการลงต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่ 5.10 บาท / หุ้น (จาก 6.2 บาท) ราคาน้ำมันอากาศยานที่พุ่งสูงขึ้นเพื่อชดเชยการฟื้นตัวของผลผลิตและการใช้ประโยชน์ที่ดีขึ้น

Back to top button