บาทอ่อนในวันศุกร์ที่ 13

วันศุกร์ไม่ใช่วันดีของตลาดหุ้นไทย เพราะมักจะมีแรงขายท้ายตลาด ยิ่งเป็นวันศุกร์ที่ 13 ด้วยแล้วยิ่งไม่ใช่ข่าวดี แต่ข่าวร้ายมากกว่านั้นคือ ค่าบาทอ่อนค่าหลังดอลลาร์กลับแข็ง เนื่องจากตลาดกังวลเรื่องสงครามการค้า และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

วันศุกร์ไม่ใช่วันดีของตลาดหุ้นไทย เพราะมักจะมีแรงขายท้ายตลาด ยิ่งเป็นวันศุกร์ที่ 13 ด้วยแล้วยิ่งไม่ใช่ข่าวดี แต่ข่าวร้ายมากกว่านั้นคือ ค่าบาทอ่อนค่าหลังดอลลาร์กลับแข็ง เนื่องจากตลาดกังวลเรื่องสงครามการค้า และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ยามใดที่ค่าบาทอ่อน ต่างชาติมักจะขายหุ้นในไทยเสมอ เป็นสูตรสำเร็จ ที่มีข้อยกเว้นนาน ๆ ครั้ง

บาทอ่อนรอบนี้ ไม่อาจจะทำให้มองอนาคตแบบโลกสวยได้ แต่ก็ยังมีคนในรัฐไทยที่พยายามมองให้โลกสวยต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์แวดล้อมที่แปรปรวน

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยล่าสุดเป็น 4.4% สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ สูงถึง 4.8% โดยเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ก็มีรายการ “แย่งซีน” แถลงข่าว โดยนายสุพพัต อ่องแสงคุณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  บอกว่า ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะแถลงข่าวประเมินตัวเลขการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 โดยคาดว่าจะมีการปรับเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2561 จากเดิมที่ตั้งเป้าทั้งปีเติบโต  8%   ซึ่งขณะนี้แนวโน้มการส่งออกไทยทั้งปี 2561 มีโอกาสเติบโตมากกว่า 8% หากพิจารณาจากตัวเลขการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปี  ที่การส่งออกเติบโตแล้ว 11.55%

เขาอ้างว่า ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวมากกว่าเป้าหมาย 8%  เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่สำคัญมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวดีเช่นกัน โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นกลุ่มประเทศใน CLMV   ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญ  เช่น  เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ความงาม

สำหรับเงื่อนไขเชิงลบ หรือ ปัจจัยเสี่ยงที่กรมฯ ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด   โดยเฉพาะในเรื่องของสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน ที่ได้ติดตามรายสินค้าและรายกลุ่มที่ถูกทั้งสหรัฐฯ และจีน ใช้มาตรการภาษีตอบโต้กัน  ทั้งนี้กรมฯ จะดำเนินนโยบายทำงานทั้งในการรักษาฐานตลาดเดิมให้เอกชน และการหาตลาดใหม่ให้กับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสงครามการค้า

มุมมองโลกสวยดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะหากเมื่อใดที่โลกไม่สวยเหมือนคาด หน่วยงานรัฐไทยก็มักจะเตรียมคำอธิบายแบบ “ปัดสวะ” รอล่วงหน้าไว้แล้วเพื่อสร้างความชอบธรรมประเภท “ความผิดอยู่ที่คนอื่น”  

การพยายามสร้างตัวเลขให้โลกสวย ไม่ใช่จารีตที่แปลกพิสดาร แต่ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่เคยมีอิทธิพลต่อมุมมองของกองทุนเก็งกำไรข้ามชาติมากนัก หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ เพราะการตัดสินใจของผู้บริหารฟันด์โฟลว์โยงใยโดยตรงกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง หรืออ่อน เป็นสำคัญ

เงินบาทอ่อนยวบครั้งใหม่ ทำให้ต้องกลับมาให้ความสนใจย้อนกลับไปสู่ประเด็นที่เคยเป็น “ภูเขา 3 ลูกตลาดหุ้น” ที่หมายถึง 1) ค่าดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลท้องถิ่น 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว หรือ บอนด์ยีลด์อายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป 3) อัตราการเติบโตกระจุกตัวของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่แต่ละรายเดินมาถึงทางตันมากน้อยแค่ไหน

ข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดหุ้นไทย ยังต้องเผชิญกับภูเขาทั้ง 3 ลูกต่อไป ทำให้ภาวะของตลาดหุ้นไทยที่เริ่มมีลักษณะไซด์เวย์อัพในต้นสัปดาห์นี้ มีความสุ่มเสี่ยงอีกครั้งซึ่งมุมมองแบบโลกสวยน่าจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ปัจจัยลบมาเกิดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมายกันเช่นศุกร์นี้

Back to top button