พาราสาวะถี

กลับมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันอีกรอบกับซีรีส์ดังนาฬิกาหรู จากการจุดประเด็นของ รัชดา ธนาดิเรก อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าด้วยเรื่องตัวแทนขายนาฬิกาไม่ยอมแจ้งหมายเลขนาฬิกาหรือซีเรียลนัมเบอร์ เพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ซื้อจริง ส่งผลให้ป.ป.ช.ขาดข้อมูลมาไต่สวนต่อ หลังจากนั้นก็มีคนออกมาขย่มซ้ำกันต่อเนื่อง


อรชุน

กลับมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันอีกรอบกับซีรีส์ดังนาฬิกาหรู จากการจุดประเด็นของ รัชดา ธนาดิเรก อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าด้วยเรื่องตัวแทนขายนาฬิกาไม่ยอมแจ้งหมายเลขนาฬิกาหรือซีเรียลนัมเบอร์ เพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ซื้อจริง ส่งผลให้ป.ป.ช.ขาดข้อมูลมาไต่สวนต่อ หลังจากนั้นก็มีคนออกมาขย่มซ้ำกันต่อเนื่อง

เริ่มจากสองนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เอกชัย หงส์กังวาน และ โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ บุกยื่นหนังสือถึงป.ป.ช.ระบุ เมื่อมีข้อมูลจากบริษัทนาฬิกาบางแห่งแล้วน่าจะสามารถดำเนินการบางอย่างได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอข้อมูลจากทุกบริษัท พร้อมย้ำว่าการที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อ้างว่ายืมนาฬิกาหรูมาจากเพื่อนที่เสียชีวิตนั้น ถือเป็นข้อมูลที่เพียงพอต่อการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และไม่มีเหตุใดที่ป.ป.ช.จะประวิงเวลาในการพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนและควรจะดำเนินคดีอาญาบิ๊กป้อมโดยเร็วด้วย

ถ้ามองว่าความเคลื่อนไหวของนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นเรื่องของคนที่มุ่งจับผิดและมีอคติกับคนในรัฐบาลเผด็จการ ถ้าเช่นนั้นความเห็นของ ต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติหรือคตช. จะถือเป็นคนที่มีอคติกับผู้มีอำนาจในปัจจุบันหรือไม่

คำตอบคือไม่ใช่ ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า ความรู้สึกต่อความล่าช้าในการทำงานของป.ป.ช.กับปมแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน เพื่อนตายแล้วนั้น เป็นไปบนพื้นฐานของเหตุและผล โดยต่อตระกูลถึงกับโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันส่งสารบอกกล่าวกับป.ป.ช.ว่า “เราไม่พอใจที่ท่านถ่วงเวลาการสอบสวนเรื่องนาฬิกาบิ๊กป้อม”

พร้อมคำอธิบายที่ชวนให้คิดกันต่อ คนเพียงไม่กี่คนที่มีตำแหน่งและมีอำนาจ ทำความเสื่อมเสียต่อป.ป.ช. ทั้งองค์กร เราต้องประณามเฉพาะคน 2-3 คนนี้ ป.ป.ช.ยังมีกรรมการและพนักงานป.ป.ช.ที่มีความรู้ ความสามารถ และความซื่อสัตย์อยู่อีกเป็นจำนวนมาก 10 กว่าปีที่ตนไปร่วมทำงานด้วยกับป.ป.ช. ในฐานะภาคเอกชน ได้รู้และได้สัมผัสด้วยตนเองยืนยันว่าคนดีมีมากกว่า

“เราต้องร่วมกันกดดันให้ป.ป.ช.ส่วนน้อยนี้ ต้องแยกออกมาแสดงตัว การรับผิดชอบให้ชัดเจน” คงไม่ต้องบอกกระมังว่าคนจำนวนน้อยที่ต่อตระกูลเอ่ยถึงนั้นมีใครบ้าง ไม่ว่าจะหน้าทนกันอย่างไร แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย การกระทำของคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ตรงไปตรงมา แม้จะอ้างหลักการใด ๆ มาปิดทับ ความรู้สึกของผู้คนในสังคมย่อมจะซึมซับรับรู้ได้ว่า คนเหล่านั้นแท้จริงแล้วมีกำพืดเป็นเช่นไร

ขณะที่อีก 1 องค์กร และ  1 รายไม่ได้ตั้งข้อสังเกตเฉพาะเพียงประเด็นนาฬิกาหรูเท่านั้น หากแต่แสดงความกังขาต่อข้อร้องเรียนที่มีไปยังป.ป.ช.ถึงเรื่องคดี พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ยืมเงิน กำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ เสี่ยกำพล เจ้าของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท จำนวน 300 ล้านบาทด้วย

โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้โพสต์ผ่านเพจขององค์กรแสดงจดหมายตอบกลับจาก วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช.ต่อการทวงถามถึงความคืบหน้าของสองคดีดังกล่าว คำตอบที่ได้เหมือนเป็นสูตรสำเร็จของบุคคลคนคนนี้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นวิธีการเดิม ๆ ที่ใช้กันมาตั้งแต่แต่งตั้งองค์กรอิสระแห่งนี้ ต่อการเลือกที่จะอธิบายในบางกรณี

สำหรับกรณีนี้ หนังสือตอบองค์กรต้านคอร์รัปชันก็คือ กรณีดังกล่าวอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งสำนักงานป.ป.ช.ได้แถลงข่าวเพื่อรายงานให้สาธารณชนทราบเป็นระยะแล้ว ทั้งกระบวนการขั้นตอน ข้อกฎหมาย รวมถึงข้อเท็จจริงอื่น ที่พึงเปิดเผยได้ตามกฎหมาย และ เท่าที่ไม่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากดำเนินการแล้วเสร็จ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความเห็นหรือคำวินิจฉัยแล้ว จะแถลงข่าวเพื่อให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว

คำตอบเช่นนี้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจึงย้อนกลับไปว่า 3 เดือนผ่านไปหลังจากที่องค์กรฯ มีจดหมายเปิดผนึกสอบถามป.ป.ช.ถึงความคืบหน้าของ 2 คดีดังกล่าว วันนี้ป.ป.ช.ตอบจดหมายกลับมาเพียงว่า กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง คำถามคือ เหตุใดสองคดีนี้จึงใช้เวลานาน ทั้ง ๆ ที่คดีทำนองนี้ ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว

หากเป็นเช่นนี้แล้ว คดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น และมีความสลับซับซ้อนมากกว่านี้ ป.ป.ช.จะมีความสามารถในการจัดการได้แค่ไหน ประชาชนกำลังหวั่นใจ  “ผิด” ก็บอกไปว่า “ผิด” “ถูก” ก็บอกมาว่า “ถูก” มีข้อมูลอย่างไรก็เปิดเผยมา ทางองค์กรฯ คาดหวังว่าจะได้ผลการสอบสวนที่ชัดเจน สมเหตุสมผล ยึดผลประโยชน์ของประเทศ และขอเชิญชวนให้ประชาชนจับตาการแถลงข่าวของป.ป.ช.ในเรื่องดังกล่าวด้วย

ส่วนอีกรายคือ วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์เฟซบุ๊กนำเสนอเนื้อหาข่าวต่อการจี้ทวงถามความคืบหน้าในการตรวจสอบทั้งสองคดีของป.ป.ช. พร้อมกับแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “กรรมการป.ป.ช.ไม่เข็ด” ทั้งที่ในอดีตเคยมีบทเรียนมาแล้ว เคยมีกรรมการฯ ชุดหนึ่งทำผิดขึ้นเงินเดือนตัวเองโดยไม่มีอำนาจ ถูกศาลตัดสินให้ติดคุกมาแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจมีกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการฯ ถูกศาลตัดสินให้ติดคุกอีกก็ได้

นี่แหละคือสิ่งที่สังคมซึ่งมองด้วยความเป็นกลางตั้งข้อกังขา ต่อกระบวนการทำงานขององค์กรอิสระแห่งนี้ มีหลายกรณีหลายคดีที่ถูกนำมาเทียบเคียงและชี้ให้เห็นถึง “บรรทัดฐาน” และ “มาตรฐาน” ในการทำงานเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคนทุกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะมีขบวนการอันเป็นของคนส่วนน้อยที่ต่อตระกูลว่า เลือกที่จะพิจารณาคดีที่มีกระบวนการอื่นเข้ามาแทรกแซง

ด้วยเหตุนี้ข้อห่วงใยจากหลายฝ่ายที่มีต่อองค์กรอิสระแห่งนี้เรื่องการตรวจสอบที่ไม่อิสระและโปร่งใส จึงเป็นสิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องพึงสำเหนียก แต่คงจะถามหาความเป็นสุภาพบุรุษได้ยาก เพราะบางคนได้ดิบได้ดีมาก็จากการเชลียร์ตลอดชีวิตราชการ ดังนั้น หากจะมีข้อครหาหรือการโจมตีว่าความล่าช้าก็คือความอยุติธรรม อย่างหนึ่ง คนเหล่านั้นก็คงไม่อินังขังขอบเพราะเก้าอี้อันทรงเกียรติของนายย่อมสำคัญกว่าศักดิ์ศรีและความสง่างามขององค์กร

Back to top button