พาราสาวะถีอรชุน

หินที่ถูกโยนมาถามทางและทำท่าว่าจะเอาจริงกับการต่ออายุรัฐบาล 2 ปี มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องอยู่ต่อ พงศ์เทพ เทพกาญจนา อุตส่าห์มองโลกในแง่ดีว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลจะมีความคิดที่จะอยู่ต่อ แต่คงเป็นพวกไม่อยากลงเลือกตั้ง แต่ชอบนั่งในตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งมากกว่า แปลความได้ว่า ถ้ารัฐบาลอยู่ต่อพวกลากตั้งก็จะอยู่ในตำแหน่งต่อด้วย


หินที่ถูกโยนมาถามทางและทำท่าว่าจะเอาจริงกับการต่ออายุรัฐบาล 2 ปี มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องอยู่ต่อ พงศ์เทพ เทพกาญจนา อุตส่าห์มองโลกในแง่ดีว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลจะมีความคิดที่จะอยู่ต่อ แต่คงเป็นพวกไม่อยากลงเลือกตั้ง แต่ชอบนั่งในตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งมากกว่า แปลความได้ว่า ถ้ารัฐบาลอยู่ต่อพวกลากตั้งก็จะอยู่ในตำแหน่งต่อด้วย

แน่นอนว่า คนเหล่านี้ไม่สนใจว่าประเทศจะเป็นอย่างไรและรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะได้รับผลกระทบอย่างไร ยิ่งฟัง ไพบูลย์ นิติตะวัน มาขยายความเรื่องข้อเสนอปฏิรูปก่อน 2 ปีแล้วค่อยเลือกตั้ง ยิ่งทำให้เห็นวาระซ่อนเร้นที่มีมากันตั้งแต่ร่วมกันล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังนั้น หาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขานรับแนวทางดังว่าโดยอ้างประชาชน ที่บอกว่าไม่ได้เลือกข้างพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ

ประกอบกับเห็นการขยับของเนติบริกรอย่าง วิษณุ เครืองาม แจกแจงเรื่องการจะบรรจุเนื้อหาสาระแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อเปิดช่องถามประชาชนต่อการอยู่ต่อของรัฐบาล ยิ่งทำให้คนเห็นว่า งานนี้ไม่ใช่แค่โยนหินถามทางอีกต่อไป อะไรเป็นสาเหตุให้ต้องอยู่ต่อ คงต้องถอดรหัสให้ลึกล้ำมากกว่าที่ถกเถียงกันอยู่ คงไม่ใช่แค่วาระซ่อนเร้นแต่น่าจะเป็นวาระอื่นที่ยากจะปฏิเสธ

แต่ไม่ว่าจะด้วยวาระใดก็ตาม มีการตั้งคำถามต่อไปว่าภาวะกลัว “เสียของ” ของรัฐบาลคสช.นั้น ของที่ว่าคืออะไร โดยในมุมของ ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ ตัวแทนกลุ่มเรียกร้องประชามติที่เป็นประชาธิปไตย เห็นว่าของที่ไม่ควรเสียคือ หลักการของการทำประชามติและหลักการประชาธิปไตย ซึ่งช่วงก่อนการทำประชามติจะต้องเปิดให้รณรงค์ แลกเปลี่ยนกันได้อย่างเสรีทุกฝ่ายทุกความคิดเห็น

สิ่งสำคัญคือต้องยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งสอดรับกับความเห็นของ ประภาส ปิ่นตบแต่ง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่มองว่า บริบทของการทำประชามติต้องเอื้อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่สักจะทำก็ทำ ต้องเปิดให้มีการถกเถียง ทำเวทีประชาพิจารณ์ การจะทำอย่างนั้นได้ต้องยกเลิกประกาศคสช.รวมทั้งมาตรา 44 ที่ไปขัดขวางบรรยากาศของการจัดเวที รวมกลุ่มและเสนอความเห็นต่างๆ

เหมือนอย่างที่ได้บอกไปวันวาน โดยภาพรวมความสงบที่เห็นและเป็นอยู่เป็นผลมาจากการใช้กฎหมายพิเศษสะกดเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงยังมีกลุ่มที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนที่รอรัฐบาลแสดงฝีมือในการแก้ไขปัญหา ทว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานเข้าสู่ปีที่ 2 ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การไปขอกู้เงินจากกองทุนประกันสังคมถึง 2 แสนล้านบาทเพื่อนำมาลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเกิดปุจฉาที่ชวนให้คิดหลายมุม

ดรีมทีมเศรษฐกิจรัฐบาลมีปัญญาคิดได้แค่นี้หรือว่าคิดได้มากกว่านี้แต่รัฐบาลไม่มีเครดิตที่จะไปกู้ยืม เห็นคุยนักคุยหนาว่าไม่ง้อต่างชาติกู้กับสถาบันการเงินในประเทศก็ได้ แล้วธนาคารของรัฐหรือแบงก์เอกชนหายไปไหน ทำไมไม่อยู่ในแผนที่รัฐบาลจะไปกู้หรือเขาไม่กล้าจะให้ จึงหันหัวเรือมาบีบเอากับกองทุนประกันสังคม ที่แน่นอนว่าบอร์ดซึ่งมีมติให้นำเงินดังกล่าวให้รัฐบาลกู้คงไม่มีทางเลือกอื่น

แม้จะอธิบายเหตุผลสารพัด แต่ผู้ใช้แรงงานก็เกิดคำถาม ของใหม่จะกู้ไป 2 แสนล้านแล้วที่เหลือซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐจะต้องจ่ายคือ หนี้เงินสมทบที่รัฐค้างจ่ายเป็นเงินกว่า 80,000 ล้านบาทจะดำเนินการอย่างไร ไม่อยากเรียกการคิดแบบนี้ว่า “มักง่าย” แต่คงไร้หนทาง อับจนปัญญาจริงๆ เชื่อขนมกินได้ว่า ท้ายที่สุดจะต้องมีคนออกมาพูด เหตุที่รัฐบาลบ่มีไก๊ เพราะเงินถูกนำไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวจนเสียหายอย่างหนัก คิดอะไรไม่ออก โยนขี้ให้เครือข่ายทักษิณง่ายที่สุด

ปรากฏการณ์ความไม่พอใจรัฐบาลถอดรหัสเบื้องต้นได้จากกลุ่มประชาชนต่างๆ ที่ไปรวมตัวกันยังจังหวัดขอนแก่นเมื่อวานเพื่อให้กำลังใจ 7 นักศึกษากลุ่มดาวดินซึ่งเดินทางไปรายงานตัวกับตำรวจจากการถูกกล่าวหาในการจัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปีรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มที่ไปรวมตัวทั้งหมดประกาศจัดตั้งขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาในแถลงการณ์หลายประการที่น่าสนใจ

หนทางพิสูจน์ม้าฉันท์ใด กาลเวลาย่อมพิสูจน์คนฉันท์นั้น ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาวิกฤตสังคมไทยหาได้ลดลงไม่ แต่กลับยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม เพราะได้ปรากฏว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง มีการกระทำที่เป็นการทำลายความสงบสุขของชุมชน มีการยกยอปอปั้นกลุ่มทุนไม่กี่ครอบครัวให้สูงส่งกว่าคนไทยคนอื่นๆ และยังบริหารประเทศชาติล้มเหลวในทางเศรษฐกิจจนยากจะเห็นแสงสว่างได้

ทั้งหมดนี้คณะบุคคลดังกล่าวล้วนแต่ล้มเหลวนับแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่สนใจในหลักการที่สำคัญที่จะเป็นหลักการในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ หลักการที่สำคัญที่ว่านี้คือ หลักประชาธิปไตยที่จะทำให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพเสมอหน้าอย่างเท่าเทียมกัน หลักความยุติธรรมที่จะช่วยลดความขัดแย้งของคนในสังคม เมื่อกระบวนการยุติธรรมในสังคมเข้มแข็ง สังคมก็จะเชื่อถือในกฎหมาย ความสงบสุขของสังคมก็ย่อมตามมา

หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดชีวิตของตนเอง หลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลทุกคนต้องเคารพและไม่กระทำการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสิทธิดังกล่าว หลักสันติวิธี โดยทั่วไปแล้วสังคมย่อมมีความขัดแย้ง แต่การใช้ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ข้อพิสูจน์นี้คือ ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏความรุนแรงหลายระลอกในสังคมไทย แต่ปัญหายังดำรงอยู่

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ยังได้มีข้อเสนอให้ที่สำคัญได้แก่ ยกเลิกรัฐธรรมนูญชั่วคราว ยุติกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ และยกเลิกประกาศที่เป็นผลพวงของรัฐประหาร รวมถึงยกเลิกกฎอัยการศึกและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมตลอดทั่วราชอาณาจักร ยุติการคุกคามและการดำเนินคดีกับประชาชน คืนอำนาจให้ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้งตามปกติ

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่มองเห็นปัญหาอันเกี่ยวเนื่องมาจากการบริหารงานของรัฐบาลคสช. และต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง การไปสนับสนุนนักศึกษากลุ่มดาวดินก็ไม่มีมิติทางการเมือง เพราะนักศึกษากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ทำงานช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากภาครัฐมาโดยตลอด กลุ่มคนเหล่านี้ต่างหากที่น่ากลัวกว่าม็อบการเมือง

Back to top button