ITEL โชว์กำไร Q2 โตกระฉูด 36% ตุน Backlog กว่า 2.8 พันลบ. มั่นใจดันครึ่งปีหลังโตต่อ!

ITEL โชว์กำไร Q2/61 โตกระฉูด 36% ตุน Backlog กว่า 2.8 พันลบ. ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 40% มั่นใจดันครึ่งปีหลังโตต่อ!


นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 138% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 206 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 33.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยในไตรมาส 2/2561 บริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายอยู่ที่ 155.46 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.57 ของรายได้รวม เทียบกับไตรมาส 2/2560 ที่มีรายได้ 129.03 ล้านบาท เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัด รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า

ขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ ที่ SLA 99.9952% จึงทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 4.50 ของรายได้รวม หรือมีรายได้จำนวน 22.08 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการติดตั้งวงจรโครงข่ายที่โตถึง 256.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตถึงร้อยละ 450.66 จากติดตั้งงานโครงการอินเตอร์เน็ทชายขอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งงานงวดที่ 2 แล้วเสร็จไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะส่งงานงวดสุดท้ายภายในเดือนกันยายน

“ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังในปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าเติบรายได้ทั้งปีเติบโตที่ 40% ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้ครึ่งปีแรกเข้ามาแล้ว กว่า 859 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 60 % ของเป้าหมาย 1,400 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งยังมี Backlog กว่า 2,800 ล้านบาท รอการรับรู้ในอนาคต ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน” นายณัฐนัย กล่าว

ทั้งนี้จากบริการของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมถึง 75 จังหวัด ทำให้โครงข่ายมีเสถียรภาพมากขึ้น สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้มากขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทฯ สามารถพิสูจน์ตนเองความน่าเชื่อถือกับลูกค้าได้จากประสิทธิภาพของโครงข่าย ที่มีโครงข่ายทั้งบนเส้นทางถนนและเส้นทางรถไฟ ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น

ดังนั้น รายได้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณการใช้งานของลูกค้าในการเช่าโครงข่าย ซึ่งบริษัทฯ เน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยปัจจุบันได้เพิ่มทีมงานทางด้านวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและทีมการขายเพื่อรองรับกับโอกาสทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และรองรับการใช้งานจากประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ ในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตจากปี 2560 อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีดาต้าเซ็นเตอร์ถึง 2 แห่ง โดยในแห่งแรกได้สร้างเสร็จและให้บริการเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และในส่วนดาต้า เซ็นเตอร์ แห่งที่ 2 ได้เปิดให้บริการไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา มีลูกค้าทำสัญญาบริการแล้ว 30% และคาดหวังจะมีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการ 60% ภายในสิ้นปีนี้

ส่วนธุรกิจติดตั้งโครงข่าย บริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และลูกค้ามีความมั่นใจในบริการของบริษัทฯ อยู่แล้ว

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 2/2561 ที่ผ่านมาบริษัทได้ติดตามงานอินเตอร์เน็ทชายขอบ อย่างใกล้ชิดซึ่งปัจจุบันทาง กสทช. เองได้จัดทำประชาพิจารณ์รอบแรกขึ้นมาและอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ในรอบที่ 2 ซึ่งมีแนวโน้มจะแล้วเสร็จและเปิดประมูลได้ในเร็วๆ นี้

โดยคาดว่าจะมีงานออกมาให้ประมูลทั้งสิ้นกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าประมูลงานดังกล่าวอย่างแน่นนอน บริษัทฯ คาดหวังได้งาน 1-2 สัญญา ในพื้นที่ภาคกลางหรือภาคใต้ หรือไม่ต่ำกว่า 15% ของมูลค่ารวม

นอกจากนี้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ให้เป็นผู้ติดตั้งสายใยแก้วนำแสง ทั้งบนดิน ในอาคาร และใต้ดิน โดยในไตรมาส 2/61 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปรับงานเดินสายใยแก้วนำแสงใต้ดินให้กับ ผู้ให้บริการมือถือ 2 ราย มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และยังได้รับสัญญาติดตั้งสายใยแก้วนำแสงเพื่อขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ มูลค่ากว่า 450 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะรับรู้รายได้บางส่วนจากสัญญาดังกล่าวในปีนี้

อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการที่ดีในการประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และการรุกการให้บริการในทุกธุรกิจ สนับสนุนให้ผลงานปีนี้มีการเติบโตสูงขึ้นตามแผนงานที่วางไว้

โดยปัจจุบันมีสัญญาในมือ (Backlog) อยู่แล้วทั้งสิ้น 2,876 ล้านบาท เป็นงานบริการโครงข่าย 2,011 ล้านบาท งานให้บริการติดตั้งโครงข่าย 726 ล้านบาท และงานให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ 139 ล้านบาท สนับสนุนเป้าหมายทั้งปี 2561 ที่วางไว้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน โดยมีรายได้แตะ 1,400 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ อีกทั้งคาดการณ์ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นในงานในการให้บริการโครงข่ายเพิ่มขึ้นแตะ 40% ได้ภายใน 5 ปี

Back to top button