ตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่

หุ้นกำลังมาดี ๆ โผล่หัวพ้น 1,700 จุดมาได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม กำลังตั้งลำดี ๆ มาเจอเอามรสุมค่าเงินตุรกีเข้าไป ก็ทรุดตัวลงไปกองใต้ดัชนีพันเจ็ดอีกแล้ว ลงมาลึกซะด้วย !


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์                             

หุ้นกำลังมาดี ๆ โผล่หัวพ้น 1,700 จุดมาได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม กำลังตั้งลำดี ๆ มาเจอเอามรสุมค่าเงินตุรกีเข้าไป ก็ทรุดตัวลงไปกองใต้ดัชนีพันเจ็ดอีกแล้ว ลงมาลึกซะด้วย !

ขณะนี้ นักลงทุนกำลังซื้อขายหุ้นในตลาดที่ระดับดัชนีต่ำกว่า 1,753 จุดเมื่อต้นปี 2561 มา และมาเจอกับความผันผวน ลงไปหาจุดต่ำสุดที่ 1,584 จุด เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากกระแสข่าวสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างหนัก

ทีแรกก็นึกว่า ตลาดจะตกใจกับค่าเงินลีราตุรกีและข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯ เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เพราะความเชื่อมโยงทางการค้าขาย การเงิน การลงทุนกับไทยก็มีน้อยมาก

จะไปเห่อตกใจกับเขาทำไม ปล่อยให้ตลาดในประเทศเจ้าหนี้ตุรกีทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน ผันผวนแบบจำกัดขอบเขตไปเถอะ แบงก์ชาติก็ยังช่วยออกมายืนยันว่า ผลกระทบต่อตลาดการเงินของไทยน่าจะอยู่ในวงจำกัด ไม่ควรตระหนกตกใจแต่ประการใด

แต่ที่ไหนได้ ตลาดหุ้นไทยร่วงอย่างหนักข้ามสัปดาห์มาแล้ว  ดัชนีร่วงจาก 1,722 จุด มาหลุดใต้แนวรับทางจิตวิทยาสำคัญ 1,700 จุด รวม ๆ แล้วไม่น้อยกว่า 45 จุด แค่ช่วง 4-5 วันทำการเอง

ดัชนีหลักทรัพย์ ร่วงแบบไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ และก็ย้อนแย้งกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 รวมทั้งผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกเป็นอันมาก กลายเป็นว่าหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี กลับตกรับวันประกาศงบฯ เสียนี่

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 จากการรวบรวมของบล.แอสเซท พลัสประมาณ 99% ปรากฏว่า บจ.ทำกำไรรวมกันได้ถึง 2.6 แสนล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วง Q2 ปีก่อนถึง 19.9%

หากคิดรวมงวด 6 เดือนหรือครึ่งปีแรก บจ.ทำกำไรรวมทั้งสิ้น 5.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7 จากกำไรที่ทำได้ 5.15 แสนล้านบาท

เสาหลักความมั่นคงเสาหนึ่งของตลาดหุ้นก็คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนนี่แหละ

นอกจากนั้น ยังประมาณการว่าในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันรับเงินปันผลไม่น้อยกว่า 150 บริษัท ซึ่งจะมีหุ้นดี ๆ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลให้เลือกมากมาย

อาทิ หุ้น INTUCH อย่างเนี้ย ยีลด์หรือปันผลตั้ง 7.41% เมื่อเทียบกับราคาตลาด ยีลด์ JAS ตั้ง 9.29% ปันผล JASIF ก็ยัง 8.75% ขนาดหุ้นใหญ่ที่เป็นหุ้นคุณภาพและซื้อง่ายขายคล่องอย่าง PTT ก็ยังให้ปันผล 4% เลย

ยิ่งราคาหุ้นตก ยีลด์ยิ่งสูง มองอีกด้านหนึ่งจึงเป็นโอกาสของการเข้าช้อปหุ้นดี-ราคาถูกเป็นอันมาก

ค่า P/E ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันที่ 16.59 เท่า ค่า P/BV ราคา/มูลค่าทางบัญชีที่ 1.9 เท่า และผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3% ถือว่ายังเป็นตลาดที่แข่งขันได้ไม่แพงนัก

ค่าพี/อีฟิวเจอร์ที่คาดการณ์กันอยู่ที่ 15.3 เท่า อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำกว่าใครในภูมิภาค ซึ่งค่าพี/อีตลาดมาเลเซีย 17.16 เท่า เวียดนาม 16.6 เท่า คงมีแค่ตลาดอินโดเท่านั้น ที่มีค่าพี/อีในระดับ 14.78 เท่า

มองทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวม ก็ไม่มีอะไรน่าวิตกแต่ประการใด เศรษฐกิจยังคงเติบโตต่อไปได้ แม้ตัวเลข GDP จะขยับไม่มากนัก เมื่อเทียบกับภูมิภาค การส่งออกขยายตัวระดับ 2 หลัก ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด ยังคงเกินดุล และอัตราเงินเฟ้อ ไม่สูงนัก

ช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้อหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงในตลาดครับ

Back to top button