PTG เพิ่มมูลค่าไม่ใช่ปริมาณ.!

ในที่สุดบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ หันมาเน้น “เพิ่มมูลค่า” มากกว่า “เพิ่มปริมาณ” จากเดิมเน้นการขยายสถานีบริการน้ำมันพีที ด้วยเป้าหมายคือขยายให้ครบ 2,000 สาขา เพื่อทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) และมองไปถึงการเป็น Leader ในแง่จำนวนสถานีให้บริการน้ำมันในประเทศไทย แซงหน้าพี่ใหญ่อย่างปตท.เลยทีเดียว.!?


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ในที่สุดบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ หันมาเน้น “เพิ่มมูลค่า” มากกว่า “เพิ่มปริมาณ” จากเดิมเน้นการขยายสถานีบริการน้ำมันพีที ด้วยเป้าหมายคือขยายให้ครบ 2,000 สาขา เพื่อทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) และมองไปถึงการเป็น Leader ในแง่จำนวนสถานีให้บริการน้ำมันในประเทศไทย แซงหน้าพี่ใหญ่อย่างปตท.เลยทีเดียว.!?

ที่ผ่านมา PTG ขยายสาขารูปแบบ COCO (Company Own Company Operate) นั่นคือผู้ค้าน้ำมันลงทุนเอง และบริหารจัดการเองทั้งหมด แตกต่างจากค่ายอื่น ที่ใช้รูปแบบ DODO (Dealer Own Dealer Operate) คือดีลเลอร์เป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการสถานีบริการเองหรือรูปแบบ CODO (Company Own Dealer Operate) คือบริษัทผู้ค้าน้ำมันเป็นผู้ลงทุนสถานีบริการและให้ดีลเลอร์บริหารจัดการธุรกิจ

(เหตุผลที่ PTG มีการขยายสาขาแบบลงทุนเองทั้งหมด (COCO) เพราะไม่อยากซ้ำรอยช่วงวิกฤติปี 2540 ที่ให้ดีลเลอร์ลงทุนและบริการจัดการเกือบ 400 สาขา แต่เมื่อเกิดวิกฤติ ดีลเลอร์อยู่ไม่ได้ ปัญหาจึงย้อนกลับมากระทบที่ PTG  โดยตรง.!)

คู่ขนานกับการซื้อกิจการ Non-Oil  อาทิ ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุกในชื่อ PRO TRUCK และสำหรับรถยนต์ในชื่อ AUTOBACS

แต่..การขยายสาขาอย่างแข็งขันที่ผ่านมา ไม่ได้ตอบโจทย์รายได้ที่ต้องเพิ่มขึ้นตามสาขาที่มากขึ้น จะด้วยปัจจัยแวดล้อมสภาพเศรษฐกิจส่วนภูมิภาคที่ไม่ดี หรือกำลังซื้อของเกษตรกรไม่กระเตื้องก็ตาม..

ทำให้ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG ออกมาประกาศปรับลดเป้ายอดขายลง พร้อมปรับแผนหันมาเน้นการขยายสาขาเฉพาะพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและเติมเต็มการให้บริการด้วยธุรกิจ Non-Oil ครบวงจรเพื่อกระจายความเสี่ยงต่อการกระจุกตัวของรายได้

นั่นจึงเป็นที่มาของการปรับลดเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันปีนี้อยู่ที่ 1,900 สาขา จากเดิมหมายมั่นปั้นมือว่าต้องมีสาขาทั้งสิ้น 2,000 สาขา

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ Non-Oil ที่มีการลงทุนเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น 1)ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้าน Coffee World และร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร 2)ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ในนาม Max Mart 3)ธุรกิจน้ำมันเครื่อง ภายใต้ชื่อ PT Maxnitron 4)ธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ ภายใต้ชื่อ AUTOBACS และศูนย์บริการ PRO TRUCK สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่

ที่รอวันพิสูจน์ว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่าเชิงผลกำไรหรือไม่..!? แน่นอนว่าการมี Non-Oil เข้ามาช่วยเสริมเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สถานีบริการน้ำมันได้แบบไม่ต้องสงสัย..แต่ Non-Oil เหล่านี้จะสร้างกำไรให้ PTG ได้มากน้อยเพียงใด

นี่แหละ..เป็นอีกโจทย์ใหญ่ของ PTG ที่ต้องเฝ้าดูและเอาใจช่วยกันต่อไป..??!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button