ขึ้นก็มีเหตุผล..ลงก็มีเหตุผล

*ช่วงนี้มิตรสหายอันเป็นที่รัก ถามไถ่เข้ามามากเหลือเกินว่า ดัชนีขึ้นแรงมาจากเรื่องอะไร ? แต่หลังจากนั้นไม่ทันไรก็วิ่งแจ้นกลับมาหาอีกครั้ง ดัชนีลงแรงมาจากเรื่องอะไร ? ก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกันยาว ๆ เพราะต้องรีบกลับไปเคาะหุ้นให้ทันเวลานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นผันผวนไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้มิตรสหายอันเป็นที่รัก ถามไถ่เข้ามามากเหลือเกินว่า ดัชนีขึ้นแรงมาจากเรื่องอะไร ? แต่หลังจากนั้นไม่ทันไรก็วิ่งแจ้นกลับมาหาอีกครั้ง ดัชนีลงแรงมาจากเรื่องอะไร ? ก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกันยาว ๆ เพราะต้องรีบกลับไปเคาะหุ้นให้ทันเวลานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นผันผวนไงล่ะคะ

*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงต้องมานั่งเล่าความในใจ เพื่อสื่อสารไปยังแมงเม่าปีกอ่อนว่า การขึ้นลงของดัชนีมักมีเหตุผลมารองรับเป็นประจำ ซึ่งขึ้นอยู่กับใครจะหยิบยกข้อมูลในส่วนไหนมาซัพพอร์ตคำพูดของตัวเอง เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจธรรมชาติของการสร้างสตอรี่อย่างถ่องแท้ เพื่อจะได้เข้าลงทุนได้ถูกจังหวะจะโคนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการเล่นหุ้นทุกยุคทุกสมัยมีพื้นฐานทางความคิดมาจากความเชื่อเป็นหลักนะตัวเอง

*เหมือนกับการเข้ามาไล่หุ้นอย่างเมามัน จนดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ 1,704.80 จุด บวกไป 6.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.94 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการเคาะชิ่งทำเกมสั้น ๆ เพื่อหาช่องทางในการทำกำไร ซึ่งเป็นเรื่องที่งดงามมาก ๆ สำหรับการเล่นหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นเหวี่ยงตัวค่อนข้างแรง เดี๊ยนถึงต้องการให้บรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ และหน้าเก่า พยายามเกาะติดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นระยะนะจ๊ะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้น AMATA เด้งกลับจากโลว์เก่าที่ระดับ 18.50 บาทเป็นครั้งที่ 2 “โมนิก้า” ย่อมคาดหวังจะได้เห็นหุ้นขึ้นไปแตะยอดเก่าที่บริเวณ 21 บาทอีกรอบ แต่ในระหว่างนี้หุ้นต้องขึ้นมายืนปิดเหนือระดับ 19.70 บาทให้ได้เสียก่อน เดี๊ยนถึงมองการปิดของหุ้นที่ระดับ 19.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตลุ้นระทึกที่ห้ามกะพริบตาเลยทีเดียวเจ้าค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวเหมือนกับการเคลื่อนตัวของหุ้น AOT ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ 66 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.27 พันล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า เป็นเวลากว่า 3 เดือนที่หุ้นไม่สามารถวิ่งฝ่าเส้นแนวต้าน 75 วันขึ้นไปได้ และเผอิญที่บริเวณดังกล่าวตรงกับราคา 66.50 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูสถานการณ์วันนี้ให้ดีเป็นพิเศษ หากผ่านไปไม่ได้เท่ากับหุ้นอยู่ในทิศทางไซด์เวย์ดาวน์นะคะ

*ส่วนหุ้นที่ลงลูกเดียว จนโงหัวไม่ขึ้นอย่าง TOA (เขียนสลับตำแหน่งกับรายข้างต้น) กลายเป็นหุ้นอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว หลังหุ้นโดนรินเทขายออกมาไม่หยุดหย่อน บวกกับนักวิเคราะห์มีการหั่นเป้ากันอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” ย่อมถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ พร้อมกับทำให้ราคาปิดที่ 33.75 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท ยังไม่ใช่เวลาช้อนซื้ออย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*เมื่อผลงานไม่เข้าเป้า ตัวเลขกำไรไม่ปัง หุ้นดาวร่วงอย่างเช่น PTG เลยกลายเป็นหุ้นที่แมงเม่าเมินไปโดยปริยาย พร้อมกับได้ยินเสียงแมงลือถามถึง เฮีย ล. ไม่เข้ามาโอบอุ้มสักนิดหนึ่งเหรอ ? หรือปล่อยหุ้นผ่านร่างทรงออกไปหมดแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องแคร์อีกต่อไป ? หุ้นถึงไหลลงมาปิดที่ 11.10 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 560 ล้านบาทอย่างง่ายดายไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่ขายฝันสนุกสนาน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยังหุ้น S เพื่อบอกเล่าประสบการณ์แสนระทึกใจให้ผู้เล่นได้รับรู้ว่า ในรอบ 2 เดือนหุ้นเคลื่อนตัวในรูป W-Shape ค่อนข้างชัดเจน โดยมีกรอบราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2.70-3.20 บาทเป็นหลัก เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111 ล้านบาทมีสิทธิ์ซ้ำรอยเดิมไหมเอ่ย ?

*ตรงกันข้ามกับในรายของ SAWAD ฉีกทิ้งรูปแบบเดิม ๆ ด้วยการขึ้นมาปิดที่ 42.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 865 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นขาประจำมีความหวังขึ้นมาในทันที เพราะการขึ้นเที่ยวนี้คาดหวังได้ถึง 45 บาทเป็นอย่างต่ำ เดี๊ยนถึงอยากให้ผู้เล่นมองช็อตการเล่นเที่ยวนี้ให้ดี ๆ เพราะมันหมายถึงเงินในกระเป๋าจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับข่าวกลุ่ม “เซ็นทรัล” เทกโอเวอร์ GLAND ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการแทงกั๊กอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้นักเล่นทั่วฟ้าเมืองไทยเชื่อว่า ดีลนี้ต้องดันแน่ ๆ ! วานนี้ถึงเห็นการเข้ามาไล่ราคาหุ้นอีกรอบ จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท เลยเป็นช็อตของการเคาะขวาแบบไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น เพราะราคาที่จบดีลเที่ยวนี้อยู่แถว 3.50 บาทนะซี

*ส่วนรายที่จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบอย่าง SGF ยังเป็นทีเด็ดสำหรับคนที่ชอบเคาะสั้น ๆ ไม่มีประเด็นอะไรต้องสนใจให้มากความ “โมนิก้า” ถึงต้องถามบรรดาผู้เล่นว่า กำไรต่อหุ้นปีนี้จะขึ้นไปถึง 0.05 บาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่พี่ท่านดันหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 1.39 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาทเสียแล้ว เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับไปคิดกันเอาเองว่า กำไรต่อหุ้นครึ่งปีแรกอยู่ที่ระดับ 0.01 บาท ครึ่งปีหลังจะทำกำไรโตระเบิดระเบ้อได้จริงเหรอ ? มันคือคำตอบของเรื่องนี้นะจ๊ะ

Back to top button