BEAUTY จะไปถึงไหน….

ราคาหุ้น บิวตี้ คอมมูนิตี้ หรือ BEAUTY ในช่วง 10 วันทำการ


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

ราคาหุ้น บิวตี้ คอมมูนิตี้ หรือ BEAUTY  ในช่วง 10 วันทำการ

ราคาหุ้นปิดบวกถึง 9 วัน และปิดปรับลดลง 1 วัน

10 วันทำการที่ว่านี้ ราคาหุ้นบวกขึ้นมากกว่า 58.85% หรือจากราคาปิด 6.80 บาท เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 มาถึงเมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ที่ราคาขึ้นมาปิด 10.80 บาท

ก่อนหน้านี้ บิวตี้ฯ ถูกมองว่าราคาหุ้นน่าจะปรับลงหลังจากขึ้นเครื่องหมาย XD

แต่ที่ไหนได้ราคากลับวิ่งสวน และบวกขึ้นมาแรงเสียด้วย

บิวตี้ฯ แจ้งจ่ายเงินปันผล 0.162 บาท เมื่อวันที่  14 สิงหาคม 2561

จำนวนเงินปันผลนี้ หากนำไปคำนวณกับราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2561 ที่ระดับ 6.80 บาท จะได้ผลตอบแทน (ณ ราคาหุ้น 6.80 บาท) ที่ราว ๆ 2.38%

เงินปันผลระหว่างกาล และได้ผลตอบแทนเท่านี้ ถือว่าน่าสนใจ

นอกจากเรื่องเงินปันผล

บิวตี้ฯ มีปัจจัยบวกก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการประกาศซื้อหุ้นคืน 64 ล้านหุ้น กำหนดวงเงินไว้ 950 ล้านบาท

ประกาศนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2561

พร้อมระบุว่า วันที่เริ่มซื้อหุ้นคืนคือ 24 ก.ค.–23 ม.ค. 2562

(ปัจจุบัน บิวตี้ฯ มีการซื้อคืนแล้วทั้งสิ้น 12.7 ล้านหุ้น คงเหลืออีก 51.3 ล้านหุ้น)

หากย้อนกลับไปดูราคาหุ้น ณ วันที่ 24 ก.ค.ปิดที่ 7.85 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ราคาปิด 8.10 บาท

หลังจากนั้นราคาหุ้นปรับลงมาเรื่อย ๆ

และลงมาถึงจุดต่ำสุด 6.80 บาท เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา

วันที่ 14 ส.ค. บิวตี้ฯ แจ้งผลประกอบการออกมามีกำไรสุทธิงวดไตรมาส  2/2561 จำนวน 256.3 ล้านบาท

กำไรที่ว่านี้ปรับลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2560 ที่มีกำไรกว่า 273.1 ล้านบาท

หรือคิดเป็นลดลง 6.15%

กำไรที่ออกมาถือว่าใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ และไม่ได้เลวร้ายไปกว่าที่นักลงทุนต่างเกรงว่า กำไรอาจจะปรับลงค่อนข้างมาก

จากประเด็นเรื่องผลประกอบการ คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เซนติเมนต์ของนักลงทุนเริ่มดูดีขึ้นเกี่ยวกับบิวตี้ฯ

ข้อมูลจาก settrade ระบุว่าเกี่ยวกับคำแนะนำของหุ้นบิวตี้ฯ ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.-27 ส.ค.ที่ผ่านมา

พบว่ามีโบรกฯ ที่ทำ Cover ไว้จำนวน 6 แห่ง

แนะนำซื้อทั้งหมด 5 แห่ง และแนะนำถือ 1 แห่ง

ราคาเป้าหมายสูงสุด 13.00 บาท ให้ไว้โดย บล.ทิสโก้ และราคาต่ำสุดอยู่ที่  9.00 บาท ให้ไว้โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

ส่วนราคา IAA Consensus อยู่ที่ 12.05 บาทต่อหุ้น

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า ผลประกอบการของบิวตี้ฯ น่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงของไตรมาส 2/2561

และไตรมาส 3/2561 ผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้น มีโอกาสเติบโตจากไตรมาส 2/2561 และไตรมาส 3/2560

ล่าสุด บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ได้ Conference call กับผู้บริหาร BEAUTY เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และมีมุมมองเชิงบวกต่อ Outlook ของบิวตี้ฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง

เคทีบีฯ มองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/2561 และเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4/2561

ส่วนกำไรของปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

บิวตี้ฯ ได้มีการขายสินค้าใน 11 ประเทศ

และตอนนี้อยู่ระหว่างกำลังศึกษาประเทศอินเดียและรัสเซีย และมีแผนเปิดสาขาในฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 2 สาขา รุกทำตลาดออนไลน์ และได้เซ็นสัญญาเพื่อเปิดสาขาในมาเลเซียกับ Parkson

ส่วนที่สิงคโปร์อยู่ระหว่างเซ็นสัญญากับ Distributor ที่จะนำสินค้าบิวตี้ฯ ไปจำหน่ายตามห้างและ Modern Trade

ส่วนในเมียนมาเปิดเป็นแบบ Kiosk เห็นว่าได้รับการตอบรับที่ดี โดย บล.เคทีบีฯ บอกว่า ตลาดต่างประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มต้น มีโอกาสเติบโตอีกมาก

หุ้นบิวตี้ฯ นั้น มี “นักลงทุนสถาบัน” ถือในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก

มีทั้งกองทุนต่าง ๆ และบริษัทประกันชีวิต

รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ที่ค่อนข้างจะโลว์โปรไฟล์

ก่อนหน้านี้ เคยบอกไปแล้วว่ามีโอกาสได้คุยกับนักลงทุนสถาบันที่ถือหุ้นในบิวตี้ฯ ในหลายประเด็น

โดยเฉพาะประเด็นการขายหุ้นของกลุ่มตระกูลที่เป็น “ผู้ก่อตั้ง” หรือ Founder ว่ามีมุมมองอย่างไร

คำตอบที่ได้รับคือ หลังการขายหุ้นของกลุ่มก่อตั้ง ทำให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน เพื่อค้นหา “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” ว่ามีอะไรบ้าง

แต่ก็ไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า Founder ถือหุ้นจำนวนมาก จะเป็นผลดีต่อบริษัทเสมอไป

ผ่านมาถึงวันนี้ สัดส่วนของนักลงทุนสถาบันที่ถือหุ้นบิวตี้ฯ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากนัก

แม้จะดูเป็นข่าวที่ค่อนข้างดีจากหลาย ๆ ปัจจัย

แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมาในช่วง 10 วันทำการเกือบ 60%

ก็ชวนให้เสียวอยู่เหมือนกันว่า

แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร

Back to top button