BEAUTY วิ่งฉิวเกือบ 6% นิวไฮในรอบ 2 เดือน คาดกำไรครึ่งหลังปี 61 ฟื้น รับ High season

BEAUTY วิ่งฉิวเกือบ 6% นิวไฮในรอบ 2 เดือน คาดกำไรครึ่งหลังปี 61 ฟื้น รับ High season โดย ณ เวลา 15.35 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 11.10 บาท ปรับตัวขึ้น 0.60 บาท หรือ 5.71% สูงสุดที่ระดับ 11.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ล่าสุด ณ เวลา 15.35 น. อยู่ที่ระดับ 11.10 บาท ปรับตัวขึ้น 0.60 บาท หรือ 5.71% สูงสุดที่ระดับ 11.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13 บาท เมื่อวันที่ 3 ก.ค.61

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ส.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท/หุ้น โดยได้จัด Conference call กับผู้บริหาร BEAUTY วันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ส.ค. 2561) มีมุมมองเชิงบวกต่อ Outlook ของ BEAUTY ในครึ่งปีหลัง 2561 ซึ่งเป็น High season โดยเรามองว่าเรามองว่ากำไรสุทธิได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/61 โดยมองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/61

อีกทั้ง เติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4/61 หนุนโดยรายได้จาก Beauty channels ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง หนุนโดยการขยายสาขา และSSSG ที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นบวก คาดว่าจะอยู่ที่ mid-single digit (ผู้บริหาร BEAUTY ตั้งเป้า SSSG อยู่ที่ 7%) และ Double digits ในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 ตามลำดับ

พร้อมทั้ง รายได้จากต่างประเทศที่เราคาดว่าจะเติบโตโดดเด่น จากการจัด WCRM ซึ่งเป็น VIP Event สำหรับกลุ่มลูกค้าใหญ่ในต้นเดือน ก.ย. 2561 ซึ่ง Event นี้ ประสบความสำเร็จมากในไตรมาส 3/60,  Double Eleven (วันคนโสด),แผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ 6 SKUs สำหรับจีน และการสร้างกระแสกลุ่ม Luxury collection ให้เป็น product champion ในจีน รวมถึง รายได้จาก CBEC ที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้ในไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 60 ล้านบาท และการออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ในไตรมาส 4/61

ทั้งนี้ BEAUTY ได้มีการขายสินค้าใน 11  ประเทศ ตอนนี้อยู่ระหว่างกำลังศึกษาประเทศอินเดียและรัสเซีย ,มีแผนเปิดสาขาในฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 2 สาขาและรุกทำตลาดออนไลน์, ได้เซ็นต์สัญญาเพื่อเปิดสาขาในมาเลเซียกับ Parkson, สิงค์โปร์อยู่ระหว่างเซ็นต์สัญญากับ Distributor  ซึ่งจะนำสินค้า BEAUTY ไปจำหน่ายตามห้างและ Modern Trade และในพม่าเปิดเป็นแบบ Kiosk ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เรามองว่าตลาดต่างประเทศของ BEAUTY ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น มีโอกาสเติบโตอีกมาก

ด้าน ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปี 2561 ที่ 4,290 ล้านบาท และมองว่าสถานการณ์ในเรื่อง อ.ย. ในประเทศยังไม่ได้คลี่คลายขึ้น แต่กลับมีการตรวจเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งในระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการขออนุญาตสินค้าใหม่ของ BEAUTY แต่ในระยะยาวจะส่งผลบวกโดยจะช่วยลดผู้ผลิตเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานและอาจส่งผลให้ Market share ของ BEAUTY ขยายตัวเนื่องจากสินค้าทุกชนิดของ BEAUTY มีอ.ย.ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามผู้บริโภคในประเทศคลายกังวล เริ่มกลับมาซื้อสินค้าอีกครั้งและ Distributor ในจีนและมีการปรับกลยุทธ์การสต็อกสินค้าเพื่อรับมาตรการการตรวจเข้มของจีน ส่งผลให้รายได้ในเดือนก.ค.เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากเดือน เม.ย. – มิ.ย. ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่อง อ.ย. คาดว่ากำไรสุทธิจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง 2561 จึงคงประมาณกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน

โดย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 12.30 บาท อิง DCF (WACC 12.9%, TG 3.5%) เทียบเท่า  PER ปี2019 ที่ 24.2x ปัจจุบัน BEAUTY เทรดอยู่ต่ำกว่า -1 SD Avg. PER 33x มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา 50%ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ชะลอตัวไปหมดแล้วจากผลกระทบ อ.ย. และมี Short term catalyst จากการซื้อหุ้นคืนที่ 64 ล้านหุ้น (ครบกำหนด 23 ม.ค. 2562) ปัจจุบันมีการซื้อคืนทั้งสิ้น 12.7 ล้านหุ้น คงเหลืออีก 51.3 ล้านหุ้น ทั้งนี้ BEAUTY ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.162 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค. 2018

Back to top button