18 หุ้นเด่นดึงเงินเข้าลงทุน

ข่าวดีจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในอนาคตข้างหน้า เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand Focus 2018 “The Future is Now” ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2561 เพื่อนำเสนอจุดเด่นของประเทศไทยในด้าน Well-being economy


เส้นทางนักลงทุน

ข่าวดีจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในอนาคตข้างหน้า เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand Focus 2018 “The Future is Now” ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2561 เพื่อนำเสนอจุดเด่นของประเทศไทยในด้าน Well-being economy และตลาดทุนไทยที่วันนี้มีความพร้อมในการเป็นแหล่งระดมทุนสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ตลอดจนการขยายกิจการของบริษัทไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยภายในงานมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมให้ข้อมูลมากมายถึง 115 บริษัท จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ กลาง ไปจนถึงขนาดเล็ก อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

การเข้าร่วมให้ข้อมูลถึงศักยภาพของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจที่มีส่วนในการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ Well-being economy  ซึ่ง บจ.ไทยที่มีธุรกิจอยู่ในกลุ่ม Well-being เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์ อาหาร โดยโครงสร้างพื้นฐานมีอัตราการเติบโตสูงและหลายรายก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก… พื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้จะส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งในการระดมทุน

ดังนั้นการจัดงาน Thailand Focus ในครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนต่างชาติ ทั้งจากความโดดเด่นน่าลงทุนด้วย บจ.ที่มีคุณภาพเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคตจากแรงสนับสนุนของนโยบายรัฐ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ช่วยให้เงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้นเข้าไปอีก เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ….ซึ่งเป็นการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากในปัจจุบัน ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการฝากเงินหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้มีภาระภาษีที่มากกว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวม อันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในระบบภาษีอัตราร้อยละ 15

ทั้งนี้จะจัดเก็บจากกองทุนรวมตราสารหนี้ และกองทุนผสมทุกประเภท โดยในส่วนของกองทุนผสมจะเก็บเฉพาะสัดส่วนที่ลงทุนในตราสารหนี้ และให้ยกเว้นแก่กองทุน RMF โดยจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ปี 2562 โดยคาดว่ารัฐบาลจะได้เม็ดเงินภาษี 1.5-2.6 พันล้านบาท จากเม็ดเงินผ่านกองทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ผลกระทบจากแผนการเก็บภาษีฯ คิดว่ามีสองส่วนด้วยกัน คือ 1.ในส่วนของผู้ออกตราสารหนี้ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และอาจจะต้องแชร์กับผู้ลงทุน ผลตอบแทนหายไปบ้าง 2.ในส่วนของอุตสาหกรรมต้องมองหาสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนกว่าเดิม เพราะปกติผลตอบแทนจากตราสารหนี้ไม่สูงนัก

ดังนั้นจากจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ได้รับปัจจัยบวกจากงาน “Thailand Focus 2018” ประกอบกับ “มาตรการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้” จะทำให้กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กอง REIT และลงทุนหุ้นที่ให้ปันผลสูงมีความจูงใจมากขึ้น

ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่  PTT, PTTEP, AEONTS, BBL, SCB, ROBINS, BJC, PSH, AP, STEC, CK, CHG, BCH, WHA, AMATA, TKN, TISCO และ MC เป็นต้น

สิ่งสำคัญทางราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ให้นักลงทุนได้เข้าไปไล่ซื้อ หากเทียบกับราคาเป้าหมายที่ทางนักวิเคราะห์ให้ไว้

เช่น PTT ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 52.50 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 62 บาท ที่ทาง บล.เอเชีย เวลท์ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 18.10%, PTTEP ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 143 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 147 บาท ที่ทาง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 2.80%, AEONTS ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 178.50 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 217 บาท ที่ทาง บล.ทิสโก้ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 21.57%

BBL ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 207 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 232 บาท ที่ทาง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 12.08%, SCB ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 146 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 152 บาท ที่ทาง บล.เคจีไอ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 4.11%, ROBINS ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 66 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 83 บาท ที่ทาง บล.เคจีไอ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 25.76%,

BJC ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 58.50 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 72 บาท ที่ทาง บล.เคทีบี ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 23.08%, PSH ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 20.40 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 27 บาท ที่ทาง บล.ทิสโก้ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 32.35%, AP ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 9.25 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 10.20 บาท ที่ทาง บล.เคที ซีมิโก้ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 10.27%

STEC ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 22.70 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 25 บาท ที่ทาง บล.เคที ซีมิโก้ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 10.13%, CK ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 26.50 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 34 บาท ที่ทาง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 28.30%, CHG ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 2.50 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 2.70 บาท ที่ทาง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 8%

BCH ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 18.60 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย 20 บาท ที่ทาง บล.เอเชีย เวลท์ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 7.53%, WHA ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 4 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย  4.60 บาท ที่ทาง บล.เคจีไอ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 15%, AMATA ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 20.80 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย  28 บาท ที่ทาง บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 34.62%

TKN ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 15.70 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย  20 บาท ที่ทาง บล.เคทีบี ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 27.39%, TISCO ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 81 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย  105 บาท ที่ทาง บล.เอเอสแอล ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 29.63%, และ MC ราคาหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 13 บาท หากวัดจากราคาเป้าหมาย  14.80 บาท ที่ทาง บล.ทิสโก้ ประเมินไว้จะพบว่ามี Upside 13.85%

ด้วยความหวังว่าเม็ดเงินลงทุนจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น พร้อมกระจายไปทั่วหลักทรัพย์อย่างเช่นตัวอย่างที่นำเสนอข้างต้น  จึงคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสขยับขึ้นไปทดสอบราคาเป้าหมายด้วยอัพไซด์ที่เหลือให้เข้าเก็งกำไรนันเอง

Back to top button