ได้จังหวะสอย PTTGC ฉายแววกำไรไตรมาส 3/61 นิวไฮแตะ 1.4 หมื่นลบ. รับค่าการกลั่นขาขึ้น

ได้จังหวะสอย PTTGC ฉายแววกำไรไตรมาส 3/61 นิวไฮแตะ 1.4 หมื่นลบ. รับค่าการกลั่นขาขึ้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC หลังมีนักวิเคราะห์ประเมินว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2561 มีแนวโน้มเติบโตกว่า 1.4 หมื่นล้าน และทำจุดสูงสุดใหม่ (New High)

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 106 บาทต่อหุ้น โดยประเมินว่างวดไตรมาส 3/2561 จะมีกำไรที่ระดับ 13,000-14,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากไตรมาสก่อน และนับเป็นผลประกอบการที่ดีมากที่สุดในรอบ 1 ปี

โดยการเติบโตของงวดไตรมาส 3/2561 แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงตามปกติของโรงโอเลฟินส์ แต่แนวโน้มค่าการกลั่นยังอยู่ในขาขึ้น โดยประเมินค่าการกลั่นยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเริ่มเข้าสู่ช่วงการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในหลายประเทศ ทำให้ซัพพลายของน้ำมันสำเร็จรูปตึงตัว

ขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี โดยอะโรเมติกมีการปรับขึ้นมากกว่า 200 ดอลลาร์ต่อตัน หรือประมาณ 50% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากสภาวะอุปทานตึงตัว (Tight Supply) ในตลาด จากการเลื่อนเปิดโรงงานพาราไซลีน (PX) รวมถึง Crude Premium ปรับลดลง ในงวดไตรมาส 3/2561 ประมาณ 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และแนวโน้มราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงมีโอกาสรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Stock Gain)

สำหรับค่าการกลั่นยังคงมีโมเมนตัมหนุนไปจนถึงช่วงต้นเดือน ต.ค. โดยได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการหยุดซ่อมบำรุง และค่าการกลั่นพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือเมื่อปริมาณการหยุดซ่อมบำรุงเพิ่มมากขึ้น ค่าการกลั่นก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปริมาณการหยุดซ่อมบำรุงจะสูงสุดในช่วงเดือน ต.ค. ดังนั้นแนวโน้มค่าการกลั่นจะยังคงตัวและปรับขึ้นได้ไปจนถึงปลายเดือน ต.ค.

ด้านส่วนต่างราคา PX-Condensate ปรับตัวขึ้นกว่า 50% มาอยู่ที่ 640 ดอลลาร์ต่อตัน นับว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 จากระดับเฉลี่ยที่ 375 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในงวดไตรมาส 2/2561 เป็นผลมาจากการเลื่อนเปิดโรงงาน ในขณะที่ความต้องการใช้ PTA และ PX ยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงมองว่าราคา PX-Condensate ของงวดไตรมาส 3/2561จะอยู่ในระดับ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

โดยงวดไตรมาส 3/2561 คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) โดยรวมของบริษัทจะปรับขึ้นได้กว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้ม Crude Premium มีการปรับตัวลดลง ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนต่างราคา Murban crude เทียบกับ Dubai มีการลดลงจาก 3.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/2561 มาอยู่ที่ระดับ 2.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรของ PTTGC ในไตรมาส 3/61 ฟื้นตัวหลังได้แรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลีโพรพิลีน (PP) จากประเด็นสิ่งแวดล้อมในจีนหนุนราคาปรับตัวขึ้น และเริ่มคลายกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หนุนทั้งราคาและปริมาณการผลิตทยอยเพิ่มขึ้นตามลำดับ ประกอบกับมีโอกาสบันทึกรายการพิเศษขายโรงงาน โพลีเอทิลีน (PE) ที่อิหร่าน มูลค่า 370 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.จนถึงปัจจุบันราว 1% ในขณะที่ตลาดปรับตัวขึ้น และยังมี Potential upside 0.50-3.98 บาท/หุ้น จากดีลการซื้อกิจการ PTA-PET ที่กำลังดำเนินการเข้าซื้อ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/61

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุว่า หุ้นกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันมีความน่าสนใจลดลงจากแรงกดดันของค่าการกลั่น (GRM) แต่ในบรรดาโรงกลั่นทั้งหมดยังชอบหุ้น PTTGC มากที่สุด เนื่องจากเป็นบริษัทตัวแทนกลุ่มต้นน้ำ และมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่น้อย และไม่มีการผลิตน้ำมันเบนซิน ขณะที่ประเด็นความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังในระบบของ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGCหายไปมูลค่ารวม 2.1 พันล้านบาท จะกระทบต่อ PTTGC เพียงเล็กน้อย

Back to top button