พาราสาวะถี

คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม (บางอย่าง) ได้แล้ว แต่ยังมีคำถามตามมาอีกพะเรอเกวียน โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ แม้จะได้โอกาสในการหายใจหายคอบ้าง แต่มันก็ยังไม่คล่องตัวแบบลื่นปรื๊ด เพราะเอาเข้าจริงสิ่งที่คสช.ดำเนินการเป็นเพียงการแก้ปัญหาชีวิตให้กับพรรคเล็กพรรคเกิดใหม่เสียมากกว่า


อรชุน

คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม (บางอย่าง) ได้แล้ว แต่ยังมีคำถามตามมาอีกพะเรอเกวียน โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ แม้จะได้โอกาสในการหายใจหายคอบ้าง แต่มันก็ยังไม่คล่องตัวแบบลื่นปรื๊ด เพราะเอาเข้าจริงสิ่งที่คสช.ดำเนินการเป็นเพียงการแก้ปัญหาชีวิตให้กับพรรคเล็กพรรคเกิดใหม่เสียมากกว่า

ไฮไลต์หลักอยู่ที่การงดไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึง โดยจัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครแทน ใช้ภาษาแบบเนติบริกรคือไพรมารีโหวตแบบย่อ ถ้าพูดให้ตรงคือการเลี่ยงบาลีเพื่อไม่ให้ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่านั้น สิ่งสำคัญคือจะมีใครกล้าไปยื่นตีความ เมื่อรู้แล้วว่าปลายทางจะมีคำตอบอย่างไร

อย่างที่ สดศรี สัตยธรรม อดีตกกต.และอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาว่า การกำหนดแบบนี้ถือว่าไม่ใช่ไพรมารีโหวต การดำเนินการในลักษณะเช่นนี้จะเป็นผลดีกับพรรคการเมืองที่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ เพราะพรรคเหล่านี้ทำไพรมารีโหวตไม่ทัน ไม่สามารถหาสมาชิกพรรคได้ทันและครบถ้วนได้ แต่พรรคเก่าพรรคขนาดใหญ่จะไม่มีปัญหา

ไม่ต้องมองไปถึงเจตนาว่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคนอมินีของคสช.หรือไม่ มองโลกในแง่ดีคือเพื่อแก้ปัญหาให้กับพรรคที่ยังไม่มีความพร้อมทุกพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ก็แล้วกัน อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่อยู่ในมือก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ ได้หลายเด้งโดยเฉพาะกับปัญหาที่องคาพยพด้านกฎหมายของคณะเผด็จการร่างกฎหมายกันแล้วมองไม่ครอบคลุม รอบด้าน

อย่างไรก็ตาม ที่น่าคิดมากกว่าเรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้ อยู่ที่กระบวนการเลือกตั้งทั้งระบบมากกว่า วิธีการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมหรือบัตรใบเดียวเลือกได้ทั้งคนทั้งพรรค เป้าหมายชัดเจนว่าบอนไซพรรคใหญ่ซึ่งก็หมายถึงพรรคเพื่อไทยนั่นเอง ด้วยเหตุนี้หลังการเลือกตั้งบรรยากาศการล็อบบี้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลคงฝุ่นตลบแน่นอน

ยอมรับตรง ๆ ประสานกรู้ คนอ่านเกมขาด อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันลดขนาดพรรคขนาดใหญ่ ทำให้ถ้าอยากเป็นรัฐบาลก็ต้องมาคุยกับพรรคอื่น จึงเป็นโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้เสนอนโยบาย ซึ่งพรรคจะขอใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขแรกในการร่วมงาน แน่นอนว่า หากนโยบายถูกปฏิเสธก็เป็นฝ่ายค้าน

ดังนั้น อย่าไปมองว่าพรรคภูมิใจไทยรอเป็นรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างหลังนี่ก็เป็นเพียงมารยาทที่ต้องแสดงให้สาธารณะได้รับรู้ ถึงจะดูมีภาษีกว่าทุกพรรคการเมือง ประมาณว่าราศีของการร่วมรัฐบาลมันเด่นชัดตั้งแต่ไก่โห่ แต่เสี่ยหนูก็โชว์ความเก๋าพอที่จะอ้างเรื่องของนโยบายที่เข้ากันได้มาเป็นไม้กันหมาเลี่ยงข้อครหาว่า จ้องจะร่วมรัฐบาลท่าเดียวโดยไม่สนใจว่า ใครหน้าไหนจะเป็นแกนนำในการจัดตั้ง

แต่สำหรับคอการเมือง คงได้เห็นความเขี้ยวของพรรคภายใต้ร่มเงา เนวิน ชิดชอบ กันไปแล้วเมื่อคราวร่วมรัฐบาลเทพประทาน ครั้งนั้นการตั้งนายกรัฐมนตรีในค่ายทหารที่ได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นผู้นำ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำตั้งรัฐบาล ต้องยกกระทรวงใหญ่ให้พรรคภูมิใจไทยทั้งหมด ถ้าพูดแบบหยาบ ๆ หน่อยคือ ให้เพื่อนกินครีมไปเสียหมดตัวเองยอมที่จะกินขี้แทน

หนนี้ก็เช่นกัน หากภูมิใจไทยแต่งองค์ทรงเครื่องรอเทียบเชิญร่วมรัฐบาล แล้วจำนวนส.ส.เข้าเป้าในปริมาณที่ต้องการ เกมการต่อรองย่อมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมื่อคราวที่ผ่านมา ขณะที่อีกด้านสำหรับคนสืบทอดอำนาจ คนทั่วไปอาจจะมองว่าไม่น่าจะมีพิษสงใดมายื่นหมูยื่นแมวเหมือนคราวถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกแล้ว อาจจะตกอยู่ในภาวะเดียวกับที่อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์เคยเจอมาแล้ว

ประทานโทษ อย่าลืมเป็นอันขาดว่ามาตรา 44 ในมือของหัวหน้าเผด็จการคสช.ยังอยู่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นั่นหมายถึง ใครที่อยากจะมีตำแหน่งแห่งหนหลังจากที่อดอยากปากแห้งกันมานาน ต้องยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจวิเศษจนวินาทีสุดท้ายแต่โดยดี หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว มั่นใจว่าอำนาจที่ใช้กดทับเหล่านั้นได้หายไปหมดสิ้นค่อยไปดิ้นกันอีกที

บรรยากาศการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งคงมันพิลึก ขณะเดียวกันพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคใครก็อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่า ไม่น่าจะสังฆกรรมกับพวกสืบทอดอำนาจได้ เพราะคุณสมบัติของพรรคนี้ที่อยู่กันมาได้ก็จากการอิงแอบอำนาจในลักษณะนี้ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นพวกประเภทวัวเคยขาม้าเคยขี่ก็ว่าได้ ดังนั้น หากจะเกิดการผสมพันธุ์กันจริง สิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินได้ฟังกันคือวาทกรรมทางการเมือง หนีไม่พ้นเรื่องประโยชน์ของบ้านเมืองและเสียงเรียกร้องจากประชาชนผู้เลือกพรรคของตัวเอง

ไม่ว่าใครจะดีใจอย่างไรแต่คนประชาธิปไตยตัวจริง จาตุรนต์ ฉายแสง กลับมองการคลายล็อกที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก โดยเจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คสช.กลัวอะไรนักหนาจึงไม่ยอมปลดล็อก เห็นคำสั่งคลายล็อกที่กลายเป็นล็อกแน่นเข้าไปอีก โดยเฉพาะเรื่องห้ามหาเสียงเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเป็นตลกร้าย จะขำก็ขำไม่ออก เพราะคำสั่งนี้กำลังทำลายการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นให้กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้

แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ กำลังเป็นการเลือกตั้งที่ผู้มีอำนาจต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลน้อยที่สุด มีส่วนร่วมน้อยที่สุด สักแต่ว่าให้ไปหย่อนบัตรโดยไม่ต้องรู้อะไรเลย ที่พิลึกกึกกือที่สุดคือห้ามพรรคการเมืองใช้โซเชียลมีเดียหาเสียง ซึ่งก็ไม่รู้คำว่าหาเสียงว่าแปลว่าอะไร ทั้ง ๆ ที่ในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งระบุแนวทางและการเอาผิดไว้ชัดเจน ทว่าผู้มีอำนาจก็พยายามจะอ้างสารพัดเหตุผลเพื่อกุมสภาพความได้เปรียบหรือกลัวแรงกระเพื่อมที่จะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเผด็จการไม่ทราบ

ด้วยเหตุนี้ ในมุมของจาตุรนต์จึงมองว่า พอคาดการณ์ได้ไม่ยากเมื่อมีการรับสมัครเลือกตั้งแล้ว การหาเสียงเลือกตั้งจะถูกจำกัดอย่างมากจากกฎระเบียบของกกต. ยิ่งพอคำสั่งคลายล็อกออกมา แม้ช่วงที่ยังไม่ประกาศให้มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองก็ไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนเพราะถือเป็นการหาเสียงที่ต้องห้าม เรียกได้ว่าเนติบริกรพลิกตำราใช้กลเม็ดทางกฎหมายกันทุกดอก เพื่อให้ผู้ที่จะสืบทอดอำนาจและเครือข่ายได้เปรียบทุกประตู คงไม่ต้องคาดเดาว่าภาพของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไร

Back to top button