พาราสาวะถี

ประกาศอย่างภาคภูมิใจและโชว์เป็นผลงานของรัฐบาลคสช. กับไทยแลนด์ 4.0 แต่พอเห็นท่าทีทางการเมืองอันเกี่ยวเนื่องกับการหาเสียงที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการผ่านโซเซียลมีเดีย ผลงานที่อ้างว่ามีดีเป็นรัฐบาลเผด็จการดิจิทัล พอเปลือยธาตุแท้ออกมาก็เป็นได้แค่เผด็จการ 0.4 ประชาธิปไตยที่อ้างว่ามีมากถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ ก็แค่ลมปากคุยโวเท่านั้น


อรชุน

ประกาศอย่างภาคภูมิใจและโชว์เป็นผลงานของรัฐบาลคสช. กับไทยแลนด์ 4.0 แต่พอเห็นท่าทีทางการเมืองอันเกี่ยวเนื่องกับการหาเสียงที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการผ่านโซเซียลมีเดีย ผลงานที่อ้างว่ามีดีเป็นรัฐบาลเผด็จการดิจิทัล พอเปลือยธาตุแท้ออกมาก็เป็นได้แค่เผด็จการ 0.4 ประชาธิปไตยที่อ้างว่ามีมากถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ ก็แค่ลมปากคุยโวเท่านั้น

เหมือนกับการเที่ยวโพนทะนาไปทุกเวทีพูดต่อหน้าประชาชี เลือกตั้งครั้งหน้าอย่าให้ได้แบบเดิม ต้องเลือกคนใหม่ คนดี แต่กลับให้นอมินีไปไล่ดูดอดีตส.ส.ของพรรคชาวบ้าน คิดว่าเอานักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวที่ตัวเองกล่าวหามาใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้ว ก็เป็นการเมืองโฉมใหม่แล้ว ทุกการกระทำมันย้อนแย้งกับสิ่งที่คิดโดยสิ้นเชิง

อาจจะด้วยเพราะมีคนที่เคยคลุกคลีหรือได้ดิบได้ดีมากับการเมืองจากการเลือกตั้งมานั่งเป็นกุนซือ จากจุดเริ่มต้นที่จะปฏิรูป วางยุทธศาสตร์ชาติเสียสวยหรู หวังแสดงให้คนเห็นว่าแม้จะเป็นเผด็จการแต่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล แต่พอใกล้จะเลือกตั้ง ตัวเองต้องทิ้งหัวโขนเผด็จการผู้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามใจชอบ กลับแสดงให้เห็นท่าทีไม่ยอมปล่อยวางเพื่อเดินไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ตัวเองคิดและวางแผนไว้ทั้งหมด

ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกับโซเซียล คงลืมไปว่าอะไรก็สุดแท้แต่ยิ่งกดยิ่งมีแรงต้าน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ และในโลกที่ทุกอย่างสื่อสารกันรวดเร็วแค่ปลายนิ้ว จึงไม่รู้ว่าจะใช้มาตรการอะไรมาสกัดกั้น หรือเพียงเพื่อวางกติกาให้ง่ายต่อการใส่ไฟ หาเหตุหากมีใครไปแหลมในโลกออนไลน์ก็จะจัดการกันได้ง่าย ๆ ถ้าเช่นนั้นคงต้องวางมาตรการเข้มงวด จะตรวจสอบพวกให้ร้ายป้ายสีและมีบทลงโทษกันอย่างไร

ประกาศตัวก่อนใครเพื่อนกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รอบใหม่จะใช้วิธีการหยั่งเสียงจากสมาชิกทั่วประเทศผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หวังแสดงให้คนได้ประจักษ์ว่าพรรคการเมืองนี้มีความเป็นประชาธิปไตยสูง ก่อนที่ตัวเองหมายถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกขนาบข้างท้าทายแย่งเก้าอี้จากคนนอกและคนในที่ถูกมองว่ามีเบื้องหลังทั้งคู่

หนึ่งคนคือ อลงกรณ์ พลบุตร พลันที่เปิดตัวแสดงความประสงค์จะเป็นเชนคัมแบ็ก ก็ถูกลองของจาก วัชระ เพชรทอง ด้วยข้อกล่าวหาคสช.ส่งนอมินีมายึดพรรค เพราะเห็นว่าอภิสิทธิ์จะเป็นอุปสรรคในการสืบทอดอำนาจ ตามมาด้วยหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันดักคอตั้งการ์ดสูงการเป็นคนนอกจะเข้ามาต้องมีคุณสมบัติที่ผ่านกระบวนการรับรองของสมาชิกพรรคที่ยุ่งยากกว่าคนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว

ประสาคนทันกันเสี่ยจ้อนต้องรีบออกมาปฏิเสธเรื่องความเป็นนอมินี พร้อม ๆ กับการโยนกฎเหล็ก 5 ข้อหยั่งเชิงคนในพรรคเก่าแก่ แต่ความท้าทายจากผู้ท้าชิงรายแรกยังไม่จบ ไม่กี่วันต่อมา ถาวร เสนเนียม แกนนำคนสำคัญของกปปส.ก็ออกมาประกาศหนุน วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลกของพรรคเป็นผู้ท้าชิงอีกราย ทำให้กลายเป็นคนที่พะยี่ห้อ สุเทพ เทือกสุบรรณ ส่งเข้าประกวดทันควัน

การศึกว่าด้วยการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเก่าแก่หนนี้จึงคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น และเป็นความรวดเร็วต่อเนื่องเมื่ออภิสิทธิ์นัดประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันวาน ตามมาด้วยนัดประชุมใหญ่ของพรรคในวันจันทร์สัปดาห์หน้าเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค ซึ่งทุกอย่างก็จะมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ ก่อนที่จะไปเคาะเลือกหัวหน้าพรรคกันเดือนพฤศจิกายน

ความเป็นประชาธิปไตยในประชาธิปัตย์ ถูกอกถูกใจ สุริยะใส กตะศิลา ถึงกับออกมาชมก่อนที่จะกระแนะกระแหนไปยังพรรคเพื่อไทยที่บอกว่ามีเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว สงสัยเจ้าตัวคงลืมไปว่าตัวเองก็สังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นร่วมกับเทพเทือก ทางที่ดีควรจะไปใส่ใจกับพรรคของตัวเองดีกว่าไหม จะได้ไม่ล้มเหลวและทะเลาะกันเหมือนเมื่อคราวตั้งพรรคการเมืองใหม่

เพราะหัวใจสำคัญของพรรคการเมือง ไม่ได้มีแค่ความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคเท่านั้น หากแต่มันยังมีเรื่องของการบริหารจัดการจัดวางลำดับความสำคัญของตัวบุคคลและตัวบุคลากรเพื่อที่จะผลักดันงานในแต่ละด้าน มิเช่นนั้น ก็จะเป็นเพียงแค่พรรคการเมืองที่เร่ขายฝันในยามเลือกตั้ง แต่พอได้เข้าไปมีอำนาจก็ผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่ตัวเองไปบอกประชาชนไม่ได้ มิเช่นนั้น คงจะไม่เกิดเสียงค่อนขอดทั่วเมืองเรื่อง พรรคดีแต่พูด

ไม่เพียงเท่านั้นในฐานะที่สุริยะใสเป็นอาจารย์ภายใต้ร่มเงาของ อาทิตย์ อุไรรัตน์ เจ้าของมหาวิทยาลัยรังสิต ก็น่าจะเข้าไปขอความรู้ว่าพรรคที่เป็นประชาธิปไตยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ร่วมหัวจมท้ายกันต่อไป อย่าอ้างเพียงแค่เหตุผลต้องไปดูแลธุรกิจของครอบครัว เจ้าของสมญา “ดร.ไข่ผง” หรือที่เคยได้รับยกย่องว่าเป็น “วีรบุรุษประชาธิปไตย” น่าจะช่วยสอนศาสตร์การเมืองที่แท้จริงให้บักใสได้เข้าใจ

สิ่งที่เห็นเป็นเพียงบทเริ่มต้น สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองหนึ่งยึดมั่นระบบรัฐสภาและอยู่เคียงข้างประชาธิปไตยของประเทศไทยมาโดยตลอด ต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง หากนายกรัฐมนตรียังคงเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเข้ามาด้วยวิธีการใดก็ตาม มันย่อมหนีไม่พ้นว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ดูคำตอบของบางพรรคการเมืองหากโดดเข้าร่วมวงบริหารประเทศ จะแก้ตัวกันอย่างไร

หากจะเป็นนักการเมืองประเภทสีข้างเข้าถูหรือใช้อคติในการจัดการศัตรู มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกสามานย์ดังที่กล่าวหากันเหมือนที่ผ่านมา เหมือนเช่นกรณีการบริหารประเทศ ณ ปัจจุบัน ทำรายการโทรทัศน์มากว่า 4 ปีเรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พอพลิกโฉมใช้ดารามาช่วยโปรโมตเรตติ้งกระฉูดก็ตีอกชกตัวว่าผลงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จแล้ว

มองกันแค่เรตติ้งที่บรรดาแฟนคลับแห่แหนตามมาดูศิลปินที่ตัวเองคลั่งไคล้ แต่ไม่ได้ถามกันต่อไปว่า เนื้อหาสาระที่มาประชาสัมพันธ์นั้นเขาพูดเรื่องอะไร ไม่ต้องไปถามแฟนคลับถามแค่ดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์ เข้าใจและรู้เรื่องสิ่งที่ตัวเองนำเสนอดีขนาดไหน ถ้าคำตอบเป็นใบ้รับประทานเท่านั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผลงานที่โอ้อวดนั้นสำเร็จหรือล้มเหลว นี่ก็เป็นพฤติกรรมอีกอย่างที่เคยด่าพวกนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว มุ่งสร้างประชานิยมเรียกเรตติ้ง โดยไม่สนใจว่าคนจะได้ประโยชน์อะไรหรือไม่

Back to top button