“คลัง” ปัดข่าวไฟเขียว KTB ควบ TMB ชี้หนุนแบงก์รวมกิจการ ไม่ฟันธงใช่สองธนาคารหรือไม่!

"คลัง" ปัดข่าวไฟเขียว KTB ควบ TMB ชี้หนุนแบงก์รวมกิจการ ไม่ฟันธงใช่สองธนาคารหรือไม่!


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายให้มีการควบรวมธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ตามที่มีกระแสข่าวออกมา โดยหากจะมีการดำเนินการดังกล่าวจริง ทั้ง 2 ธนาคารควรจะต้องแจ้งเรื่องมาให้กระทรวงการคลังได้พิจารณารับทราบก่อน เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 ธนาคาร แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีหนังสือแจ้งเข้ามาแต่อย่างใด

“กระทรวงไม่มีนโยบายเรื่องนี้ (ควบรวม TMB กับ KTB) ถ้าจะทำจริงๆ เขาต้องแจ้งมาให้คลังรับทราบ เพราะคลังถือหุ้นใหญ่ แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีการแจ้งอะไร ซึ่งถ้าเขาแจ้งมา เราก็ต้องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปศึกษาข้อดี-ข้อเสียจากการควบรวมก่อน” รมว.คลังระบุ

สำหรับก่อนหน้านี้ที่กระทรวงการคลังได้ออก พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎรกรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร หรือมาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย และการจัดทำแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายลดต้นทุนของระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการเงิน ส่งเสริมการแข่งขัน และการเข้าถึงบริการทางการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการควบรวมกันโดยสมัครใจนั้น รมว.คลัง ระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงหลักการที่มุ่งให้ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้แต่ละธนาคารพาณิชย์จะต้องไปหารือกันเอง คงไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง

“มันเป็นเรื่องของหลักการที่ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่กระทรวงฯ ไม่ได้ตั้งธงว่าแบงก์ไหนจะไปควบรวมกับแบงก์ไหน เป็นเรื่องที่แต่ละแบงก์ต้องไปหารือกันเอง” รมว.คลังระบุ

อนึ่ง จากการรายงานข่าวในช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้มีการควบรวมกิจการระหว่าง KTB และ TMB แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่น่าจับตาว่าการที่กระทรวงการคลังออกมาชี้แจงว่ายังไม่มีนโยบายควบรวมดังกล่าวจะเป็นเพียงแค่การปฏิเสธข่าวหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่าจะมีการประกาศควบรวมกิจการใดในอนาคตต่อไปหรือไม่

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าประการใด “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จะรายงานให้ทราบต่อไป

Back to top button