คัด 8 หุ้นตัวท็อปรับอานิสงส์ Thailand Mobile Expo แนะสอยด่วน!

คัด 8 หุ้นตัวท็อปรับอานิสงส์ Thailand Mobile Expo แนะสอยด่วน! นำโดย COM7,JMART,SPVI,IT,SYNEX,MVP,ADVANC,TRUE,DTAC


พรุ่งนี้แล้วงาน Thailand Mobile Expo 2018 จะเริ่มขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน 2561 โดยภายในงานได้รวบรวมโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นทุกค่ายพร้อมโปรโมชั่นจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ มาให้ลูกค้าได้เลือกเป็นเจ้าของ อาทิ Samsung, dtac, Huawei, true move H, OPPO, Sony, vivo, AIS และอื่น ๆ อีกมากมาย

แน่นอนงานดังกล่าวได้รับผลดีสำหรับลูกค้าและกลุ่มพาร์ทเนอร์ต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการจัดงานดังกล่าวมานำเสนอเพื่อเป็นแนวทางการเข้าลงทุนในช่วงนี้ 

สำหรัับกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อาทิ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI,บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT, บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ส่วนอีกรายบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ซึ่งประกอบธุรกิจธุรกิจการจัดงาน,ธุรกิจงานโฆษณาและเอเจนซี่ และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะได้รับผลดีเช่นกัน

ด้านกลุ่มค่ายสัญญาณมือถือ อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC,บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTRUE, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ก็ได้จัดโปรโมรชั่นร่วมภายในงานนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหุ้นดังกล่าวบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทยได้วิเคราะห์และให้แนวโน้มธุรกิจไว้ดังนี้

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า Thailand Mobile Expo จัดขึ้นระหว่าง 27-30 ก.ย. ปกติจะเป็นบวกกับผู้ขายมือถือหลังจัดงานทั้ง COM7 JMART SPVI IT SYNEX โดยถ้าอิงตามสถิติการจัดงานในอดีต COM7 และ SYNEX เป็นตัวที่ตอบรับเชิงบวกกับงานปลายปีมากที่สุด +6% และ +5% ใน 5 วันทำการหลังจัดงาน แนะนำซื้อ SYNEX ราคาเป้าหมาย 20 บาท 

ส่วน บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ที่เป็นผู้จัดงานยังไม่มีสถิติให้อิงแต่รอบนี้จะได้กำไรมากกว่าทุกปีเพราะขยายพื้นที่เช่าบูธบริเวณชั้นล่างด้วย ขณะที่ MVP ตอนนี้ซื้อขายบน PE 20 เท่าใกล้เคียงกลุ่มผู้จัดอีเว้นท์ แนะนำเก็งกำไรตามกรอบทางเทคนิคที่ 3.00-3.30 บาท

 

ด้านนายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVPเปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจการจัดแสดงสินค้า โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้า Thailand Mobile Expo ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27-30 กันยายน 2561รวมทั้งยังมีแผนขยายงาน Thailand Mobile Expo ไปยังหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด โดยคาดหวังว่าภายในปี 2562 จะไปจัดที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจ

อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับค่ายมือถือ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นพิเศษ “Limited Edition” โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ เพราะมองว่าการเปลี่ยนแปลงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นอยู่ทุก ๆ ปี รวมทั้งโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ 3 แบรนด์ดัง จากประเทศจีน ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคมีการให้ความสนใจมากขึ้น

ดังนั้นแนวโน้มการจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้มีโอกาสจะได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า iPhone จะเป็นสินค้าหลักที่กลุ่มผู้บริโภคยังคงสนใจที่ต้องการเปลี่ยนรุ่นใหม่ โดยบริษัทคาดหวังจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานรวมกันทั้งหมด 600,000-700,000 คน และมียอดขายสะพัดภายในงานประมาณ1,600-1,700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจการจัดงานท่องเที่ยวเชิงกีฬา และบริษัทยัง มีแผนจัดงานกีฬาประมาณเดือน พ.ย. 2561 รวมถึงมีการให้บริการรถบ้านในคอนเสิร์ตประมาณเดือน ธ.ค. 2561ส่งผลให้มีการให้บริการรถบ้านตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ มีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้น และในปัจจุบันบริษัทมีรถบ้านให้บริการแล้วจำนวน 70 คัน จากสิ้นปีก่อนมีรถบ้านอยู่ที่ 30 คัน

 

ส่วนบล. ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  COM7 คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61F ของ COM7 จะยังคงเติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมาจากการขยายตัวของรายได้ในทุกธุรกิจของบริษัท สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี จะยังคงได้รับผลดีจาก 1) กระแส Gaming, E-Sport ช่วยหนุนยอดขายสินค้ากลุ่มไอที

2) การเปิดตัวสินค้าใหม่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งกลุ่ม Iphone Iphone XR, Iphone XS , Iphone XS Max และ Apple Watch Series 4 และกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะเปิดตัวในปลายปี และงาน Thailand Mobile Expo ที่จะจัดขึ้นวันที่ 27-30 กันยายนนี้ 3) เปิดการจำหน่ายช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการในไตรมาส 4/61และการเริ่มสาขาแฟรนไชส์ที่ตั้งเป้า 100 สาขาในปีนี้ ซึ่งปัจจัยข้างต้นจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโต ดังนั้น เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 24 บาท

 

ด้านบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SVI (ซื้อ/เป้า 6.3) ราคาปรับตัวลงเป็นโอกาสทยอยซื้อ คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ ไตรมาส1/61 และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกในไตรมาส3/61 และ ไตรมาส 4/61จากยอดขายและมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น

 

ส่วนบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า # แอปเปิล อิงค์เริ่มวางจำหน่าย iPhone XS Max และ iPhone XS ในกว่า 30 ประเทศในวันนี้ ซึ่งรวมถึง สหรัฐ อังกฤษ เบลเยียม  ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

# อย่างไรก็ดี บรรยากาศการตอบรับ iPhone รุ่นใหม่ของสาวกแอปเปิลมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยบรรยากาศค่อนข้างคึกคักในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่จะเงียบเหงาในตลาดยุโรป เช่น อังกฤษ และเบลเยียม (Aspen)

# ผลกระทบ: ตลาดไทยก็รอวันที่จะมาจัดจำหน่าย ส่วนหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเช่น COM7, SYNEX. JMART, IT และ SPVI (บริษัทในกลุ่ม IT) หุ้นได้ปรับขึ้นรับข่าวไปบางส่วนแล้ว การเข้าเก็งกำไรจึงอาจต้องระมัดระวังมากขึ้น

 

ด้านนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มเจมาร์ทในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือเจมาร์ท โมบาย (J Mobile), ธุรกิจการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้แบรนด์ “J MONEY” (J FINTECH), ธุรกิจติดตามหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ (JMT), ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (J) และ  SINGER มีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยมั่นใจว่าในปีนี้ กลุ่มเจมาร์ทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ จากปัจจุบันมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 142.72 ล้านบาท

ทั้งนี้มองแนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจโทรศัพท์มือถือเจมาร์ท โมบาย (J Mobile) ในครึ่งปีหลังนี้ถือว่าเป็นช่วงของไฮซีซั่นของกลุ่มสมาร์ทโฟน จากหลายค่ายเริ่มทยอยเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น SAMSUNG Note 9 และแบรนด์ดัง OPPO, Vivo เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ จะทำโปรโมชั่นดีๆให้กับลูกค้า อีกทั้งยังเตรียมออกบริการใหม่ๆ (New Services) โดยจะนำบริการด้านการเงิน เช่น การขายประกันในร้าน Jmart เป็นต้น รวมถึงการร่วมกันกับบมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) ไปทำแคมเปญร่วมกับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ก็จะมีการออกแคมเปญให้กับลูกค้าเหมือนเดิม

 

ส่วนบล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  SYNEX แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 18.73 บาท/หุ้น เป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีและมือถือ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีและมือถือเป็นอันดับ 1 ในไทยและเป็นกลุ่มบริษัท ซินเน็ค มียอดจัดจำหน่ายมากสุดในโลก โดยสัดส่วนรายได้จากอุปกรณ์การสื่อสาร(โทรศัพท์มือถือ,แท๊บเล็ต)ซินเน็คปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ของรายได้จากปีก่อน 25.6% โดยผู้จัดจำหน่ายที่มาพร้อมบริการยังเป็นโครงสร้างที่สำคัญในการกระจายสินค้าไอที

ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุดดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตของการใช้จ่ายสินค้า IT ในประเทศไทยจะไม่มาก IDC FutureScapes ประมาณการว่าสินค้า IT ทุกประเภทจะเติบโตเพียง +2.8% ในปีนี้ แต่แนวโน้มของสินค้าของบริษัทที่โฟกัสไปสินค้า อย่าง โทรศัพท์มือถือ เกมส์คอมพิวเตอร์ และการเติบโตของ IoT จะเติบโตสูง จากรายงานของ  MarketsandMarkets ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ IoT คาดว่าจะเติบโต 28%-38% นอกจากนี้ยอดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลกของ Huawei ที่บริษัทเป็น Exclusive เริ่มสามารถเอาชนะ Apple และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับสองเป็นครั้งแรกจากเดิมที่ Huawei เป็นอันดับ 3

อัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่าการเติบโตของรายได้ เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการขนส่งคงที่ระดับหนึ่ง และการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่งและคอมมิชชั่นพนักงานเพิ่มขึ้นในระดับที่น้อยกว่ารายได้มาก สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าลดลงเรื่อยๆในปี 2558-2560 จาก 2.07%, 1.61% และ 1.35% และอัตรากำไรสุทธิทยอยเพิ่มขึ้นเป็น 1.63%, 1.71% และ 1.92% ตามลำดับ ซึ่งเราประเมินแนวโน้มอัตรากำไรสุทธิในปี 61 และ 62 แบบอนุรักษ์นิยมที่ 1.99% และ 2.15% ตามลำดับ

อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลค้ำราคา  บริษัทฯมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ แต่ที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในระดับมากกว่าร้อยละ 50-60 ของกำไรสุทธิมาต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ผ่านมาผันผวนตามราคาหุ้น 2%-7% แต่ถือว่าจะเป็นปัจจัยที่หนุนระดับราคาหุ้น

จากการคาดผลประกอบการปี 2561 กำไรสุทธิจะเติบโต 19.45% ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิในปี 2561 ที่ 745.14 ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโต 19.45% และคาดว่าจะเติบโตเป็น 902 ล้านบาทในปี 2562 หรือเติบโต 21%

แนะนำ ซื้อ โดยประเมินมูลค่าตามพื้นฐานเท่ากับ 18.73 บาท/หุ้น โดยอ้างอิงกับ P/E ปี 2562 ที่ 16 เท่า ที่เป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีและต่ำกว่าการเติบโตที่ผ่ามาและในอนาคต โดยระดับราคาปิดให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผล 4% ในปีนี้และ 4.9% ในปีหน้า

 

ด้านบล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มสื่อสาร น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯประเมิน วันนี้ ADVANC* จะจ่ายเงินงวดแรกของค่าใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz ที่ประมูลได้มาเมื่อเดือน ส.ค. 2561 การที่ ADVANC* รีบจ่ายก่อนกำหนด เพราะต้องการรีบใช้คลื่น 1800 MHz ให้เร็วที่สุด และอาจจะเป็นการเร่งให้ กสทช จะขอให้ DTAC* จ่ายค่าใบอนุญาตงวดแรกเช่นกัน และทำให้ช่วงเยียวยาสิ้นสุดลง หรือขยายออกไปเพียงช่วงสั้นๆ แต่คาดว่า DTAC* จะถูกกระทบไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทมีแผนรองรับไว้แล้ว (ขยายโครงข่ายคลื่น 2300 MHz และทำข้อตกลงของโรมมิ่งบริการ 2G ไว้กับ ADVANC*)  ยังเลือก ADVANC* และ DTAC* เป็นหุ้นเด่น

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

สำหรับโปรโมรชั่นในงานThailand Mobile Expo 2018 มีดังนี้

Back to top button