โดนเทอีกแล้ว

*หลังจากตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นอารมณ์นักเล่นกลุ่มสถาบัน ผนวกกับปัจจัยลบผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ก็ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยพลิกจากที่เคยดีกลายเป็นร้ายเสียฉิบแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่ประโคมข่าวกันปาว ๆ ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเกมลากเพื่อทุบ ซึ่งเป็นงานถนัดของพวกตัวแสบเลยล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นอารมณ์นักเล่นกลุ่มสถาบัน ผนวกกับปัจจัยลบผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ก็ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยพลิกจากที่เคยดีกลายเป็นร้ายเสียฉิบแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่ประโคมข่าวกันปาว ๆ ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเกมลากเพื่อทุบ ซึ่งเป็นงานถนัดของพวกตัวแสบเลยล่ะค่ะ

*เมื่อแรงเทขายพรั่งพรูออกมาเป็นจำนวนมาก ย่อมเป็นแรงกดดันให้ดัชนีทะลุแนวรับสำคัญลงมาอย่างง่ายดาย วานนี้ถึงเห็นดัชนีลงมายืนปิดอยู่ที่ 1,729.40 จุด ลบไป 12.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.43 หมื่นล้านบาทแบบไร้การขัดขืน เลยเห็นยอดเทขายของฝรั่งตาน้ำข้าวพุ่งขึ้นมาที่ 4.95 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนตัวแสบสาดหุ้นลงมาอีกเป็นจำนวน 3.43 พันล้านบาท  มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเอาเสียเลยนะคะ

*เนื่องจากวันนี้ต้องลุ้นให้ดัชนีตีกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวรับ 1,730 จุดอย่างแข็งแกร่ง เพื่อทำให้ภาพของหุ้นไม่เสียทรงมากไปกว่าเดิม หากไม่เป็นเหมือนดังที่เกริ่นนำไว้ ดัชนีจะทรุดตัวลงไปหาแนวรับสำคัญบริเวณ 1,700 จุดอีกรอบ และมีสิทธิ์อ่อนตัวลงไปถึงบริเวณ 1,680 จุดเหมือนดั่งเช่นที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจบริบทเรื่องที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ (เหตุการณ์เปลี่ยน คนก็เลยเปลี่ยน) เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของ PTT ออกอาการเป๋ค่อนข้างชัดเจน หลังนักเล่นกลุ่มสถาบันสาดหุ้นทิ้งอย่างหนักหน่วงนั้น “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะหุ้นมีสตอรี่ดีหล่อเลี้ยงตลอดเวลา จู่ ๆ กลับทรุดตัวฮวบฮาบอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมาปิดที่ 53 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 พันล้านบาท มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ และทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสไหลลงอีกนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ EA ในเมื่อเห็นกันทนโท่ว่า ไม่มีประเด็นที่ต้องรู้สึกกังวล แต่เผอิญอยู่ในจังหวะที่พวกฝรั่งกับกองต้อง take profit ราคาหุ้นเลยปลิวแบบง่าย ๆ แถมทำให้นักเล่นเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อกันถ้วนหน้าแบบนี้ เลยกลายเป็นจังหวะที่ทำให้ทุกคนต้องอยู่นิ่ง เพื่อสยบความเคลื่อนไหว หลังหุ้นทรุดตัวลงมายืนอยู่ที่ 47 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 พันล้านบาทแล้วนะซี

*คล้ายกับกรณีของ BANPU ไหลลงมาปิดที่ราคาต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ด้วยการปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราว ประกอบกับหุ้นโดนเทขายติดต่อกันหลายวันเหลือเกิน เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อค่อนข้างสูงเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายของ BEAUTY โดนเทขายแบบไม่ดูดำดูดี 3 วันติด จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 10.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่สวยงามสำหรับหุ้นที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้ก่อนหน้านี้ เพราะอาการที่แสดงออกล่าสุดในเที่ยวนี้มันหมายถึง อาการข้อเข่าเสื่อมอย่างรุนแรง มีโอกาสลงไปกองกับพื้นอีกเที่ยวนะคะ

*ส่วนการทรุดตัวของหุ้น PTG อาจกลายเป็นโอกาสของเหล่าผู้กล้าบางราย เพราะการทรุดตัวลงมายืนอยู่ที่ 11.90 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 615 ล้านบาท น่าจะเป็นการลงมาใกล้จุดเด้งกลับที่บริเวณ 11 บาท บวกกับการเล่นในเที่ยวนี้อยู่บนค่า P/E 22 เท่า จึงเป็นช็อตของการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อหาจังหวะเคาะขวาสั้น พะยะค่ะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ ESSO อย่างสิ้นเชิง เพราะข้อมูลในอดีตฟ้องว่า เมื่อใดที่หุ้นรูดหลุดแนวรับสำคัญทั้ง 4 เส้นลงมาอย่างรวดเร็ว หุ้นมักไหลลงยาวเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการอ่อนตัวลงมาปิดจุดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 4.80 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท มันมีโอกาสไหลลงไปถึง 11 บาทจริงไหม ? ลองเอาไปคิดเป็นการบ้านนะจ๊ะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้นร้อนดวงใหม่อย่าง OCEAN ยังคงทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงต่อไปอีกวัน ทั้งที่ยังไม่มีใครออกมาสรุปข้อมูลที่แท้จริงให้ฟังสักรายแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมเร็วที่นักเล่นต้องอ่านทางให้ขาดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องของพวกมากลากไป วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 2.88 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาทไงล่ะคะ

Back to top button