TIGER ลุยสังเวียนเทรด mai วันแรก 24 ต.ค.นี้ ชูจุดเด่นโกรทสต๊อก มั่นใจกระแสตอบรับเยี่ยม

TIGER เคาะราคา IPO 3.65 บ. เปิดจอง 10-12 ต.ค. และลุยสังเวียนเทรด mai วันแรก 24 ต.ค.นี้ ชูจุดเด่นโกรทสต๊อก หลังตุนงานในมือ 600 ลบ. มั่นใจกระแสตอบรับเยี่ยม


นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 122.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2561 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ในกลุ่ม”อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง” โดยกำหนดราคาซื้อขายหุ้นไอพีโอของ TIGER อยู่ 3.65 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 แห่ง เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

“กำหนดการขายหุ้นไอพีโอของ TIGER ที่ 3.65 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยพิจารณาจากบริษัทรับเหมารายอื่น ๆ ในตลาดที่มีลักษณะธุรกิจคล้ายกับ TIGER ประกอบกับการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทซึ่งมีสถิติที่ดีมาโดยตลอด รายได้รวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 30% ต่อปี อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 16-18% เชื่อว่าจากประสบการณ์ในการทำงานมาอย่างยาวนาน จะทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายรัฐชัยกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกปี 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 353.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 91.10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 58.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.58 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านนายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIGER และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบการ พร้อมกับผลักดันแผนขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นอีกในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าประมูลงานทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

“การระดมทุนของ TIGER ครั้งนี้ จะนำมาใช้ในส่วนของ Working Cap หรือเป็นเงินหมุนเวียนในการลงทุนทั้งหมด เพื่อรองรับแผนการประมูลงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมี Backlog อยู่ประมาณ 600 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถหนุนให้ธุรกิจของบริษัทเดินหน้า และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งซึ่งถือเป็นจุดเด่นของบริษัทอยู่แล้ว” นายจตุรงค์ กล่าวปิดท้าย

Back to top button