SEAFCO เด้ง5% ทุบสถิติ “ออลไทม์ไฮ” คาดกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลัก 141% สูงสุดเป็นประวัติการณ์

SEAFCO เด้ง5% ทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮ" คาดกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลัก 141% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ณ เวลา 15.57 น. อยู่ที่ 9.55 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.37% สูงสุดที่ 9.60 บาท ต่ำสุดที่ 9.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 117.78 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ล่าสุด ณ เวลา 16.10 น. อยู่ที่ 9.60 บวก 0.45 บาท หรือ 4.92% สูงสุดที่ 9.60 บาท ต่ำสุดที่ 9.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 117.78 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2547

ด้าน บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SEAFCO ให้ราคาเป้าหมาย 10.02 บาท/หุ้น ซึ่งประเมินด้วย Forward P/E ปี 61 ที่ 22 เท่า ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเล็กน้อย หลังปรับคาดการณ์กำไรปีนี้เพิ่ม 1% สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่มากขึ้น ซึ่งมองจุดเด่นคือ คาดว่ากำไรหลักปีนี้และปีหน้าจะทำสถิติสูงสุดใหม่และเติบโตสดใสเทียบจากปีก่อน โดยปี 61 เติบโต 90% และปี 62 เติบโต 18%

สำหรับฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ ปลายไตรมาส 2/61 เป็นเพียง 0.3 เท่า สำหรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจปีนี้และปีหน้าเป็น 2.8% และ 3.3% ตามลำดับ

ทั้งนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 3/61 เติบโตก้าวกระโดด หลังกำไรหลักในงวดครึ่งปีแรกเติบโตถึง 47% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 145 ล้านบาท และคิดเป็น 50% จากประมาณการทั้งปี และจากปริมาณงานก่อสร้างมือ (Backlog) ที่อยู่ในระดับสูงเป็น 2.8 พันล้านบาท จึงคาดว่ากำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยิ่งดีกว่าครึ่งปีแรก

ขณะเดียวกันยังคาดว่ากำไรไตรมาส 3/61 จะสูงสุดทำสถิติใหม่เป็น 108 ล้านบาท โต 141% เมื่อเทียบจากปีก่อน และโต 16% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และคาดว่าจะเป็นกำไรรายไตรมาสที่ทำได้สูงสุดในรอบปี 61 แม้ฤดูกาลจะไม่เอื้ออำนวยคือ อยู่ในช่วงฤดูฝนก็ตาม

ส่วนงานก่อสร้างในมือสูงรายได้ในอนาคตมั่นคง ปัจจุบันมีงานก่อสร้างในมือ 2.8 พันล้านบาท จะสามารถก่อสร้างและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ 1.5 พันล้านบาท และปีหน้าอีก 1.3  พันล้านบาท  จึงเป็นการรับประกันรายได้ปีนี้และปีหน้าถึง 100%/46% แล้ว จึงถือว่ามีความมั่นคงในการที่จะทำได้ตามประมาณการ อีกทั้งใน Backlog มีสัดส่วนคิดเฉพาะค่าแรง 48% และค่าแรงรวมวัสดุเป็น 52% ซึ่งปกติอัตรากำไรขั้นต้นของงานคิดเฉพาะค่าแรงอยู่ในเกณฑ์สูง

รวมถึงการเข้าประมูลงานใหม่อีก 5-6 พันล้านบาท โดยเป็นการเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาระดับงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปีไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท และจากปัจจุบันงานที่ออกมามีปริมาณค่อนข้างมาก ส่งผลให้การแข่งขันด้านราคาน้อยลง บริษัทจึงเน้นการรับงานที่ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่เหมาะสมได้

Back to top button