ดันเช้า..บ่ายทุบ

*หากดูตามหน้าเสื่อของการเล่นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า การเคาะขวารัว ๆ มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเปิดเขียวปี๋กันเป็นจำนวนมาก โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เพิ่งเม้าท์แตกกันไปหยก ๆ เมื่อวันก่อน เดี๊ยนเลยย้ำหัวหมุดประเด็นดังกล่าวเพื่อทำให้แฟนคลับได้เข้าใจรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้มากขึ้นกว่าเดิมไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูตามหน้าเสื่อของการเล่นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า การเคาะขวารัว ๆ มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเปิดเขียวปี๋กันเป็นจำนวนมาก โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เพิ่งเม้าท์แตกกันไปหยก ๆ เมื่อวันก่อน  เดี๊ยนเลยย้ำหัวหมุดประเด็นดังกล่าวเพื่อทำให้แฟนคลับได้เข้าใจรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้มากขึ้นกว่าเดิมไงล่ะคะ

*เนื่องจากการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงตอนเปิดตลาดหุ้น จนขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,710.39 จุด หลังจากนั้นโดนทดสอบกำลังใจด้วยการรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ตลอดช่วงภาคบ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ดัชนีไหลลงไปถึงระดับ 1,699.62 จุด ก่อนจะมีแรงฮึดสู้ด้วยการดันดัชนีขึ้นมาอีกรอบ แต่สุดท้ายก็สู้แรงเทขายไม่ไหว วานนี้ถึงเห็นดัชนีลงมายืนปิดที่ 1,695.04 จุด ลบไป 2.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.30 หมื่นล้านบาทแบบขาแข้งสั่นไปหมดเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายการขยับตัวของดัชนีในวันนี้จะเป็นอย่างไร ? เพราะเมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่นิ่งเหมือนกับที่หลายคนคาดหวัง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาการเล่นหุ้นทีละสเต็ปในแบบวันต่อวัน เพราะหุ้นที่เห็นทะยานขึ้นแรงภาคเช้า พอทำไปทำมากลายเป็นทรุดภาคบ่าย จึงต้องเผื่อทางหนีไว้ล่วงหน้านะคะ

*เหมือนกับในรายของหุ้นน้องใหม่ OSP ออกอาการเสียรังวัดตั้งแต่เปิดเทรดวันแรก พร้อมกับเกิดกระแสดราม่าเรื่องธุรกิจในหมู่แมงลือ  “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ผู้บริหารมาดเซอร์ต้องเร่งแจงสังคมชาวหุ้นด้วยตนเอง หลังมีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เข้ามาก่อนหน้านี้ฝากบาดแผลอะไรไว้กับแมงเม่าบ้าง ? รวมทั้งดีลของ บล.บัวหลวง ที่นำมาเร่ขายออกมีอาการ ต้นแรง..ปลายแผ่ว จึงไม่ควรไว้ใจการลงมาปิดที่ 27.25 บาท บวกไป 2.25 บาท เหนือไอพีโอ 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 หมื่นล้านบาท เพราะช่วงเปิดเทรดขึ้นไปถึง 30 บาท พอปิดเทรดกลายเป็นหนังคนละม้วนเสียฉิบ !

*ส่วนรายที่ขึ้นแรงแบบไม่ดูกาลเทศะอย่างหุ้นโรงกลั่น TOP ถือเป็นสถานการณ์ที่บีบหัวใจคนเล่นมากพอสมควร เพราะหุ้นบลูชิพส่วนใหญ่ออกอาการเป๋กันถ้วนหน้าโดยไม่ได้นัดหมาย บวกกับข่าวดีใหม่ ๆ ที่เป็นรูปเป็นร่างก็ไม่มีให้เห็น “โมนิก้า” ถึงเริ่มมีความรู้สึกนอยด์ขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นหุ้นยืนปิดที่ 85.75 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท  เพราะเที่ยวนี้ไม่มีคำอธิบายที่ดีพอนะซี

*เหมือนกับในรายที่โดนจัดหนักชนิดต้องคลานกลับบ้านกันเป็นแถวอย่าง TMB มันมีเหตุผลว่าด้วยเรื่อง sell all fact ผสมผสานกับเนื้อในของกำไรจริง ๆ ไม่โตเหมือนที่คาดการณ์ไว้ (กำไรโตเพราะขาย บลจ.ทหารไทย) ผู้เล่นเลยมองกันว่า ไตรมาส 4 แบงก์แห่งนี้จะเอาอะไรกิน ? ทุกคนเลยพร้อมใจกันขายหุ้นทิ้ง หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 2.26  บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.65 พันล้านบาทพะยะค่ะ

*ไหน ๆ เม้าท์ถึงบริษัทที่มีปัญหาเรื่องปากท้องขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้น JMART ซึ่งทำธุรกิจขายมือถือแบบโบราณคร่ำครึสักหน่อย หลังตกเป็นขี้ปากแมงลือทั่วสารทิศว่า พัง..พัง..ไม่เหลือ ! น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักเล่นพากันทิ้งหุ้นอุตลุด จนวานนี้ลงมาทำ new low ในรอบ 2 ปี 3 เดือนครึ่ง ด้วยการปิดที่ 7.15 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 14.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280 ล้านบาท มันอธิบายเรื่องทั้งหมดได้เป็นอย่างดีนะจ๊ะ

* อีกรายที่น่าห่วงสุด ๆ คงไม่แคล้ว DDD หุ้นความสวยความงามที่ราคาหุ้นในกระดานไม่สวยเอาเสียเลย เพราะผู้เล่นพร้อมใจกันทิ้งหุ้นมากกว่าไล่ซื้อหุ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นไถลออกนอกรันเวย์ด้วยการลงมายืนอยู่ที่ 38.25 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 5.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low นับตั้งแต่เข้ามาในตลาดหุ้นแบบนี้..อยู่ห่าง ก่อนดีไหมจ๊ะ

*โดนก๊วนหุ้นขาใหญ่ถล่มหนักจนหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงอีกราย “โมนิก้า” ขอเทน้ำหนักไปยังหุ้นบันเทิงเริงรำ RS ซึ่งหันไปเอาดีเกี่ยวกับการขายสินค้าเต็มตัว และเป็นที่น่าเสียดายมาก ๆ เมื่อหุ้นดันตัวเองขึ้นไปยืนเหนือเส้นแนวรับสำคัญได้หมดทุกเส้น หลังจากนั้นไม่นานก็รูดทะลุเส้นแนวรับหมดทุกเส้น จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 17 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 323 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนต้องมอง low เดิมแถวบริเวณ 15 บาทอีกรอบพะยะค่ะ

*ส่วนหุ้นเล็กที่ปิดจ๊อบเป็นทางการอย่างหุ้น SGF คงไม่มีคำอธิบายไหนดีเท่ากับ “ลุกทีหลัง จ่ายรอบวง” ราคาหุ้นถึงเซถลาชนิดที่กู่ไม่กลับ บวกกับวานนี้มีแรงเทขายกระหน่ำออกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดให้คนที่คิดจะเข้าไปรับของในวันนี้ว่า ราคาปิด 1.59 บาท ลบไป 0.20 บาท ลบไป 11.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท น่าจะเป็นการม้วนตัวกลับไปหาฐานเก่าบริเวณ 1.40 บาทนะจะบอกให้

Back to top button