PE สูงโดนถล่มก่อน !

*การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้น เมื่อผสมผสานกับข่าวลบที่ไหลออกมาจากตลาดหุ้นทั่วโลก ย่อมเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนสถาบันเร่งระบายแบบไม่คิดชีวิต หลังผู้เล่นเหล่านั้นยึดหลัก “ขายก่อนเซฟกว่า” ซึ่งเป็นแท็กติกง่าย ๆ ที่แมงเม่าสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง และนำไปพัฒนารูปแบบการเล่นของตัวเองได้อีกด้วยนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้น เมื่อผสมผสานกับข่าวลบที่ไหลออกมาจากตลาดหุ้นทั่วโลก ย่อมเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนสถาบันเร่งระบายแบบไม่คิดชีวิต หลังผู้เล่นเหล่านั้นยึดหลัก “ขายก่อนเซฟกว่า” ซึ่งเป็นแท็กติกง่าย ๆ ที่แมงเม่าสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง และนำไปพัฒนารูปแบบการเล่นของตัวเองได้อีกด้วยนะจ๊ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงพยายามแนะนำพลพรรคแมงเม่าอย่าหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่น และควรมีแนวทางซื้อขายหุ้นที่คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งต้องเข้าใจพฤติกรรมของหุ้นที่โอเวอร์รีแอกต์ก่อนหน้านี้มาก ๆ กำลังถูกเล่นงานอย่างหนักหน่วงจากพวกนกรู้ที่ไหวตัวก่อนคนอื่น “โมนิก้า” ถึงอยากให้ระแวดระวังหุ้นที่หมดสตอรี่เติบโตสูงเป็นตัวหล่อเลี้ยง และกำลังเผชิญกับรายได้ในไตรมาส 4 ไม่เข้าเป้าเจ้าค่ะ

*เมื่อรูปขบวนแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง “โมนิก้า” ถึงอยากให้ผู้เล่นดูหุ้นที่ค่า P/E เป็นประเด็นแรกก่อนใครเพื่อน เพราะสิ่งที่สัมผัสได้ในเที่ยวนี้เกี่ยวข้องกับแวลูเหมาะสมของหุ้นควรไม่สูงเกินไป บวกกับตอนนี้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก จึงต้องเข้าใจเหตุผลในการขายหุ้นทิ้งแบบหูดับตับไหม้ของนักเล่นสถาบันในประเทศ และต่างประเทศนะจะบอกให้

*ตรงนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ดัชนีไหลลงมาไม่หยุด และไม่รู้จะหยุดลงตรงไหน ? เพราะเมื่อย้อนดูข้อมูลเก่าจะเห็นจุดกลับตัวของดัชนีในช่วง 3 ครั้งหลังสุดอยู่แถว 1,670 จุด “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นพิจารณากันเอาเองว่า การทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1,682.91 จุด ลบไป 12.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.61 หมื่นล้านบาท ใช่จุดของการทยอยสะสมหุ้นหรือเปล่า ? หรือจะรอให้ดัชนีไหลลงไปยังระดับ 1,650 จุดแล้วค่อยเก็บหรือเปล่า ? รวมทั้งในใจลึก ๆ จะขอดูแนวสุดท้ายแถว 1,600 จุด ก็ขึ้นอยู่กับใจของคุณ ๆ ท่าน ๆ พะยะค่ะ

*เละตุ้มเปะสุด ๆ “โมนิก้า” คงต้องย้อนกลับไปดูหุ้นน้องใหม่ OSP โดนถล่มอย่างหนักตั้งแต่เปิดตลาดจนกระทั่งปิดตลาด ส่งผลให้หุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 25.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.26 พันล้านบาท ก็รู้ได้ทันทีว่า หุ้นมีสิทธิ์ลงต่อค่อนข้างสูง เพราะเมื่อเหลือบดูค่า P/E 30 เท่า มันทำให้ขาประจำถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับทำอะไรไม่ถูกแบบนี้..ถอยดีกว่านะคะ

*ส่วนในรายของหุ้นน้องใหม่สด ๆ ซิง ๆ BGC พยายามรักษาฟอร์มเทรดตั้งแต่เช้าจรดเย็นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของผู้ถือหุ้นใหญ่มีความน่าเชื่อถือ บวกกับบริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 11.80 บาท บวกไป 1.60 บาท เหนือราคาไปพีโอ 15.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.47 พันล้านบาทชนิดหืดจับแบบนี้ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูหุ้นวันนี้มากเป็นพิเศษไงล่ะคะ

*สำหรับหุ้นที่ต้องเฝ้าระวังกันต่อไปในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอเทน้ำหนักไปที่หุ้น RS ถูกกระหน่ำเทขายตั้งแต่เปิดตลาด พร้อมกับมีกระแสข่าวออกมาในทำนอง “เรตติ้งตก” เท่ากับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ของหุ้นให้เลวร้ายลงไปอีก เพราะเมื่อดูเรื่องดังกล่าวควบคู่กับ P/E 30 เท่า มันทำให้ราคาปิดที่ระดับ 15.40 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 858 ล้านบาท ยังดูสูงเกินไปอยู่ดีเจ้าค่ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกจิอาจารย์ดังหลายสำนักพากันหั่นเป้าหุ้นตลกโปกฮา WORK เหลือแค่ระดับ 30 บาท หลังรายการต่าง ๆ ไม่ทำเงินเหมือนเมื่อก่อน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับดูราคาปิดวานนี้ที่ระดับ 33.25 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท ใช่จุดของการเล่นรอบใหม่หรือเปล่า ? ก็ในเมื่อเห็นกันทนโท่ว่า กำไรไม่โต บวกกับค่า P/E 25 เท่า เลยต้องคิดมากกันนิดหนึ่งนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BEAUTY ถูกเทขายจนลงมากองอยู่ที่ระดับ 8.90 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 7.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.99 พันล้านบาท ล้วนเป็นผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดฮวบฮาบ จนมองไม่เห็นหนทางที่จะกอบกู้ให้กลับมาดีดั่งเดิม ทำให้นักเล่นเก็งล่วงหน้ากันว่า รายได้ไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 จะออกมาไม่ดีแน่นอน ผสมโรงกับค่า P/E 22 เท่า จึงกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ต้องทิ้งหุ้นออกไปก่อนพะยะค่ะ

*ส่วนใครที่ชอบความเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ตามกระแสหุ้นร้อนต่ำสิบอย่าง NPPG ให้ทันเกมเที่ยวนี้ หลังเจ้ามือเริ่มปฏิบัติการดันหุ้นรอบใหม่อย่างเป็นทางการ เดี๊ยนเลยไม่อยากเสียเวลาถามถึงเหตุผลที่ทำให้หุ้นขึ้นแรงสวนภาวะตลาดหุ้น (ไม่มีค่าพี/อี-ขาดทุนตลอด)  เพราะสุดท้ายคงพูดออกมาในทำนอง วาดฝันกำไรในอนาคตจะออกมาสวยหรู หุ้นถึงขึ้นมาปิดที่ 1.29 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาทเจ้าค่ะ

Back to top button