PTTEP ลุ้นกำไร Q3/61 โตแกร่ง-Q4/61 แตะจุดสูงสุด แนะนำ”ซื้อ”เป้า 170 บาท

PTTEP ลุ้นกำไร Q3/61 โตแกร่ง-Q4/61 แตะจุดสูงสุด แนะนำ"ซื้อ"เป้า 170 บาท


บล.บัวหลวง  ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(22ต.ค.61) ว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/61 คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรหลักไตรมาส 3/61 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และทำสถิติสูงสุดของปีนี้ที่ 1.7  หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 114% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 43% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ในไตรมาส 4/61 หนุนโดยปริมาณขายปิโตรเลียมและราคาปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น การรับรู้สัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในแปลงบงกชและการรับก๊าซจากผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น จะหนุนปริมาณขายปิโตรเลียมให้เติบโตต่อเนื่อง เทียบไตรมาสก่อนหน้า จนถึง    ไตรมาส 4/61 นอกจากนั้นราคาขายปิโตรเลียมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เทียบไตรมาสก่อนหน้า จนถึงไตรมาส 4/61 สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

การคาดการณ์ตัวเลขในไตรมาส 4/61 ที่เติบโตแข็งแกร่งไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ ในปีหน้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ปริมาณการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหนุนโดยการรับรู้สัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในแปลงบงกชเต็มปีและการรับก๊าซที่เพิ่มขึ้นของ PTT ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยคาดว่าจะขยายตัว 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และทำจุดสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 3.23 แสนบาร์เรล/วัน ในปีหน้า ราคาขายปิโตรเลียมน่าจะปรับตัวสูงขึ้นและคาดว่าจะมีแนวโน้มแบบ higher-high pattern ในปีหน้าตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นตจาก 6.5 เหรียญสหรัฐ/MM btu ในปี 2561 มาอยู่ที่ 7.1 เหรียญสหรัฐ/MM btu ในปี 2562

เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงไม่กี่รายสำหรับแปลงเอราวัณและบงกช รวมทั้ง PTTEP มีประสบการณ์ยาวนานในอ่าวไทย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแปลงบงกช) สมมติฐานพื้นฐานของเราสอดคล้องกับที่ตลาดมองว่า PTTEP จะเป็นผู้ชนะการประมูล PSC สำหรับโครงการบงกชและจะถือหุ้นเป็นสัดส่วน 25% ในโครงการเอราวัณ ปิโตรเลียมจากโครงการบงกชและเอราวัณจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรอง P1 ของบริษัทบางส่วนและขยายอายุการผลิต การวิเคราะห์กรณีฐานของเราชี้ให้เห็นปริมาณการผลิตของ PTTEP CAGR ที่ 5% ในช่วงปี 2562-66 เทียบกับการหดตัวที่ 6% (หากไม่มี PSC ใหม่)

หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เมื่อไม่นานมานี้ จาก 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลสำหรับปี 2561, จาก 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลมาอยู่ที่ 86 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 2562 และ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 2563 (และคาดการณ์ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลสำหรับระยะยาว) ดังนั้นเราจึงปรับสมมติฐานราคาขายปิโตรเลียมของเราขึ้น และปรับประมาณการกำไรขึ้น 16% มาอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2561, เพิ่มขึ้น 52% มาอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2562 และ เพิ่มขึ้น 61% มาอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2563 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิในระยะยาวเพิ่มขึ้น 65% โดยเฉลี่ย (คาดว่าราคาขายก๊าซเท่ากับ 200 บาท/MM btu และมีกำไรแบ่งเป็น 30%:70% [PTTEP : รัฐบาล] สำหรับ PSC ใหม่) เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งกำไรจากโครงการบงกชและเอราวัณ หลังจากปรับเพิ่มการประมาณการกำไรและปรับเปาหมายการลงทุนเป็นปี 2562 ราคาเปาหมายประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ปี 2562 อยู่ที่ 170 บาท

นอกจากนั้นยังมีอัพไซด์ต่อปริมาณสำรอง P1 ของ PTTEP รวมถึงประมาณการกำไรระยะยาวของเราจากการตัดสินใจลงทุน (FID) สำหรับแหล่งผลิตก๊าซ Rovuma ในประเทศโมซัมบิก (คาดว่าจะทราบผลภายในเดือน มิ.ย. ปี 2562) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการบงกชและเอราวัณอาจจะแตกต่างไปการคาดการณ์พื้นฐานของเรา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดขั้นสุดท้ายของ PSC

Back to top button