RS เทวดาตกสวรรค์.!?

รอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 30% จึงถูกตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น RS..??


สำนักข่าวรัชดา

รอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 30% จึงถูกตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น RS..??

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ RS เป็นหุ้นที่น่าจับตา โดยเฉพาะหุ้นทีวีดิจิทัล ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น หลังปรับกลยุทธ์ธุรกิจจากภาวะหนีตาย จากธุรกิจทีวีดิจิทัลและธุรกิจเพลง ไปสู่ธุรกิจใหม่ Multi-Platform Commerce หรือ MPC โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ ทั้งดาราศิลปินที่อยู่ในสังกัดมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และช่อง 8 เป็นช่องทางขายและโฆษณาผลิตภัณฑ์

ส่งผลให้งบไตรมาส 2/61 ของ RS ออกมาค่อนข้างสวยหรู มีกำไรสุทธิสูงถึง 172.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 52.04 ล้านบาท

การปรับตัวของ RS ซึ่งมี MPC เป็นธงรบ จึงถูกนำมาเทียบเคียงกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY  ถือว่าทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด (GRAMMY ขาดทุนสะสมต่อเนื่องทุกปี ขณะที่ RS มีกำไรต่อเนื่องทุกปี)

ขนาดที่ว่า เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่า สิ้นปีนี้ตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นของ RS จะสูงถึง 60-65% และจะได้เห็นรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% โดยอีก 4 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 จะมีรายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดบริษัทเลยทีเดียว

แต่งานนี้ไม่รู้ว่าฝันจะไกลเกินเอื้อมหรือไม่ เมื่อสถานการณ์หุ้น RS ถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับนักวิเคราะห์เริ่มออกมาประเมินว่ากำไรไตรมาส 3/61 อาจไม่ดีหรือต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้..

สัญญาณเริ่มชัด เมื่อกสทช. (สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ประกาศเรตติ้ง 9 เดือนทีวีดิจิทัลปี 2561 ปรากฏว่าเรตติ้งช่อง 8 ลดลง มาอยู่ที่ 0.54 จาก 0.56 ในปี 2560 งานนี้ดูเหมือนว่า อิทธิฤทธิ์บรรดาเทพเจ้าอินเดีย ก็ช่วยอะไรไม่ได้ซะแล้ว

ขณะที่ธุรกิจ MPC ที่ขายของผ่านช่อง 8 ถูกหมายมั่นปั้นมือให้เป็นธงรบของ RS นั้น ดูรายได้จะไม่เข้าเป้าเช่นกัน ช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แค่ 1,100 ล้านบาท ดังนั้นด้วยเป้าหมายตั้งไว้สูงถึง 3,500 ล้านบาท จึงค่อนข้างไกลเกินเอื้อม โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้รายได้ของธุรกิจ MPC อย่างดีก็คงจะทำได้ 2,400 ล้านบาทเท่านั้น

แต่สถานการณ์ที่ RS กำลังกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์นั้น อาจมีอะไรดี ๆ แอบซ่อนอยู่ ไม่อย่างนั้น นักลงทุนรายใหญ่และผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของ RS อย่างนายโสรัตน์ วณิชวรากิจ คงไม่ตัดสินใจควักเงินเกือบ 200 ล้านบาท มาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มอีก 1.23% ส่งผลให้‘เค้าถือหุ้น RS อยู่ทั้งหมด 113,000,000 หุ้น’ หรือคิดเป็น 11.18%

งานนี้ไม่รู้ว่าเห็นอะไรดีใน RS หรือเชื่อใจในตัวเฮียฮ้อ ที่จะนำพา RS ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องมั่นคงดังที่ประกาศไว้

ส่วนนักลงทุนรายอื่น ๆ จะเชื่อมั่นต่อหุ้น RS เพิ่มขึ้นหรือไม่ งานนี้ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

…อิ อิ อิ…

 

Back to top button