นลท.ไม่สนแผนล้างขาดทุนสะสม-ปันผล! แห่ขาย U หลังเทรดพาร์ 100 วันแรกฉุดหุ้นรูด22%

นลท.ไม่สนแผนล้างขาดทุนสะสม-ปันผล! แห่ขาย U หลังเทรดพาร์ 100 วันแรกฉุดหุ้นรูด22% ล่าสุด ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 3.10 บาท ปรับตัวลดลง 0.90 บาท หรือ 22.50% สูงสุดที่ระดับ 3.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.06 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.66 ล้านบาท จากราคาปิดก่อนเปลี่ยนแปลงพาร์ 0.04 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U ล่าสุด ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 3.10 บาท ปรับตัวลดลง 0.90 บาท หรือ 22.50% สูงสุดที่ระดับ 3.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.06 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.66 ล้านบาท จากราคาปิดก่อนเปลี่ยนแปลงพาร์ 0.04 บาท

โดยในวันนี้เป็นวันแรกที่หุ้น U ซื้อขายหลังจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) โดยการรวมหุ้นจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 100 บาท ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทถือหุ้น 100 หุ้นเดิม เป็น 1 หุ้นใหม่ และราคาหุ้น U จะเปลี่ยนเป็น 3-4 บาท จากเดิมที่ 0.03-0.04 บาท และในช่วงปลายเดือนธ.ค. 61 จะมีการลดพาร์เป็น 3.20 บาท/หุ้น ซึ่งจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด

ทั้งนี้บริษัทได้ทำการรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนของ U เพื่อพลิกฟื้นบริษัทกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง  พร้อมกับเป็นการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 9.51 พันล้านบาทให้หมดไป ทำให้บริษัทสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ U เปิดเผยว่า การตัดสินใจรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนของ U บริษัทมีความตั้งใจพลิกฟื้นบริษัทกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทไม่เป็นเศษสตางค์ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนต่าง ๆ สามารถเข้ามาลงทุนใน U ได้ พร้อมกับเป็นการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 9.51 พันล้านบาทให้หมดไป ทำให้บริษัทสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายในการสร้างผลการดำเนินของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกปี เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของ U มีผลตอบแทนกลับคืนมา หลังจากที่บริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมาเป็นระยะเวลานาน

“เป้าหมายของผมก็อยากให้ U จ่ายปันผลได้ทุกปี เพราะถ้าไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ก็แสดงว่าบริษัทยังไม่แข็งแรง ผมก็ไม่อยากให้นักลงทุนหดหู่อีก และถ้าปีนี้ U มีกำไรเกิน 20 ล้านบาท ก็จะจ่ายเงินปันผลได้”นายคีรี กล่าว

 

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (5 พ.ย.2561) ว่า U เริ่มใช้พาร์ใหม่ 100 บาท (จากเดิม 1.00 บาท) คาดว่าจะทำให้การซื้อขายมีสภาพคล่องมากขึ้น ทำให้จำนวนช่องการปรับขึ้น/ลงของราคาเพิ่มเป็น 0.02 บาท ซึ่งตอนพาร์ 1.00 บาท จำนวนช่องเป็นแค่ 0.01 บาท ส่วนการจะลดพาร์ถัดมา จาก 100 บาท เป็น 3.20 บาท ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะเกิดขึ้นราว ธ.ค.61จะไม่มีผลต่อราคาหุ้นแล้ว เพียงแต่เป็นการล้างขาดทุนสะสม เพื่อปูทางการจ่ายปันผลในอนาคต

ทั้งนี้ คาดว่าในงวดครึ่งปีหลังของปี 2561 มีแนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีขึ้น หลังครึ่งปีแรกของปี 61 มีผลขาดทุน เพราะในงวดไตรมาส 3/2561 เข้าสู่ไฮซีซันของโรงแรมในยุโรป และในงวดไตรมาส 4/2561 จะเข้าสู่ไฮซีซันของโรงแรมในไทย รวมทั้งในงวด ต.ค.61 จะเริ่มโอนคอนโดได้อีก 2 แห่งคือ เดอะไลน์ อโศก-รัชดา และเดอะเบส การ์เดน พระราม 9 ทำให้กำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมทุนดีขึ้น ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 50% ในแต่ละโครงการ โดยเฉพาะไตรมาส 4/2561 ที่เริ่มโอนคอนโด อีกทั้ง ในส่วนขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากงวดไตรมาส 2/2561 มาจากโรงแรมที่โปแลนด์ สำหรับรายการเงินกู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน ปรากฏว่าในงวดไตรมาส 3/2561 ค่าเงินโปแลนด์มีเสถียรภาพมากขึ้น คาดว่ารายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 อาจมีปัจจัยลบจากการตั้งสำรองด้อยค่า (Impairment) ในรายการ 1) การถือหุ้น NMG ในสัดส่วน 9.1% หรือ 370 ล้านหุ้น ขณะที่ปัจจุบันได้หยุดการซื้อขายมาตั้งแต่ 28 ก.พ.61 ที่ราคาปิด 0.38 บาท หากสมมุติให้ U มีต้นทุนที่ได้มาตอนปี 58 ที่ราคาปลายปีคือ 1.44 บาท จะมีผลขาดทุน 392 ล้านบาท และ 2) ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่รอการขายออกไป แต่จำนวนเงินรายการนี้จะไม่มาก ทั้งนี้รายการเหล่านี้แม้จะบั่นทอนกำไรสุทธิ แต่เป็นรายการที่อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นรายการพิเศษ ไม่ใช่กำไรหลัก (Core Profit)

ทั้งนี้ คาดว่า U มีประเด็นที่จะเก็งกำไร คือ 1) ผลการดำเนินงานฟื้นตัว 2) การรวมพาร์ สภาพคล่องการซื้อขายดีขึ้น และแตกพาร์ ล้างขาดทุนสะสม เพื่อจะจ่ายปันผลได้ ซึ่งมีการรับประกันจ่ายปันผล เฉพาะหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ 0.0022 บาทต่อปี และเป็นแบบสะสม หากบางปีจ่ายไม่ได้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลปีละ 5.5%  รวมทั้งกลับมาจ่ายปันผลหุ้นสามัญได้ และ 3) ราคาใช้สิทธิ์ U-W3 และ U-W4 มีราคาการใช้สิทธิ์เป็น 5.00 และ 6.00 บาท ตามลำดับ โดยมีอายุ 5 ปี แสดงว่าบริษัทพิจารณาว่าราคาหุ้นในระยะยาวจะปรับเพิ่มขึ้น จึงจะระดมทุนได้สำเร็จ แต่ปัจจุบันจำนวนหุ้นมีมาก P/E จะสูงมากได้ หากทำกำไรสุทธิได้ไม่มาก

Back to top button