โรบอตเทรด / บล็อกเทรด

ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมา และในขณะนี้ไม่เพียงเกิดจากปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ที่เข้ามาสนับสนุน หรือกระทบเท่านั้น


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมา และในขณะนี้ไม่เพียงเกิดจากปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ที่เข้ามาสนับสนุน หรือกระทบเท่านั้น

ทว่ายังเกิดขึ้นจากนวัตกรรมการเทรดหุ้นใหม่ ๆ อย่าง “โรบอต เทรด” และ “บล็อกเทรด” ด้วย

โรบอต เทรด เข้ามามีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยหลายปีแล้ว

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่นำมาใช้นั้น ส่วนใหญ่เป็น บล. หรือโบรกฯ ของต่างประเทศ หรือโบรกฯ ที่มีสัดส่วนลูกค้านักลงทุน (สถาบัน) ต่างชาติค่อนข้างมาก

หากอยากรู้ว่ามีแห่งไหนบ้าง

แนะนำว่า ต้องเข้าไปดูส่วนแบ่งตลาดของโบรกฯ ต่าง ๆ ว่ามีใครบ้างที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ

นักวิเคราะห์หลายคนยอมรับว่า ดัชนีที่ปรับขึ้นลงหวือหวา

รวมถึงหุ้นหลาย ๆ ตัว ที่ปรับขึ้นหรือลงแบบผิดปกตินั้น มีโรบอต เทรด และบล็อกเทรด เข้ามาวุ่นวาย หรือก่อกวนจนสร้างความปวดหัวหรืองุนงงให้กับนักลงทุนที่ยังเทรดหุ้นแบบปกติอยู่

นักลงทุนรายใหญ่ที่เป็น “ขาใหญ่” และมีประสบการณ์ซื้อขายหุ้นมานานนับสิบ ๆ ปี

พอเจอกับโรบอต เทรดเข้าไป ถึงกับต้องยกธงขาวกันเลย

เรามาดูการทำงานของโรบอต เทรดกันก่อน

โรบอต เทรดก็คือคอมพิวเตอร์หุ่นยนต์ ที่มีการตั้งโปรแกรมซื้อขายไว้แบบ “อัตโนมัติ”

ว่ากันว่า ทุกวันนี้ ราคาหุ้นบางตัวที่ถูกลากลงไป 2-3 ช่อง และตีกลับขึ้นมา 2-3 ช่อง ถูกตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่า มาจากกลุ่มโรบอต เทรด

โรบอต เทรดจะทำงานเร็วมาก

มีส่วนต่างหรือกำไรเพียง 2 ช่อง ก็ถูกสั่งขายแล้ว ซึ่งมนุษย์นักลงทุนอย่างเรา ๆ ไม่มีทางที่จะตามทัน

ถามว่าเพราะเหตุใดกันล่ะ ?

คำตอบก็คือ “จุดอ่อน” ของมนุษย์ หรือนักลงทุนก็คือเรื่องของสภาพจิตใจ

หลายคน หรือส่วนใหญ่ หรืออาจจะทั้งหมด ไม่สามารถควบคุมจิตใจเพื่อการลงทุนได้ เพราะจะ “อ่อนไหว” ไปตามสภาวการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา

เช่น วันไหนซื้อขายหุ้นแล้วได้กำไร ก็อาจจะดีใจ และลุยลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ

หากวันไหนขาดทุน ก็พยายามลงทุนเพิ่มเพื่อให้ได้ทุน และกำไรกลับมา

หรือพูดง่าย ๆ นักลงทุนที่เป็นมนุษย์จะไม่มีวินัยต่อการลงทุนใด ๆ เลย อาจด้วยความโลภ และอีกหลากหลายเหตุผล จนนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

แต่สำหรับหุ่นยนต์ หรือโรบอต เทรด ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือหุ่นยนต์

ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาเรื่องของจิตใจ หรือวินัยในการลงทุน เพราะหุ่นยนต์จะทำงานไปตามโปรแกรมที่ถูกป้อนเข้าไป เช่น หากหุ้นขึ้นไป 2 ช่อง หุ่นยนต์จะส่งขายทันที

หรือหากราคาหุ้นลงมา และโปรแกรมถูกคำนวณว่าต้องตัดขาดทุน ซึ่งหุ่นยนต์จะสั่งขายทันที

หุ่นยนต์จะไม่มานั่งเสียดายว่าตัวเองนั้น “ขายหมู” หรือเปล่า

ขณะเดียวกันหากหุ้นลง และหุ่นยนต์ต้องสั่งขายเพื่อตัดขาดทุนนั้น หุ่นยนต์ก็จะไม่มานั่งเสียดายเงินที่ต้องเสียไป หรือนั่งฟูมฟาย น้ำตาไหล

ในทางกลับกัน หุ่นยนต์จะทำงานต่อไป เพื่อให้มีกำไร

จะเห็นว่าจุดแข็งของหุ่นยนต์ก็คือ “ไร้จิตใจ” และมี “วินัย” ต่อการลงทุนอย่างมาก

อาจมีคำถามว่า แล้วหุ่นยนต์มีจุดอ่อนไหม คำตอบก็คือ อาจจะมีในมุมที่หุ่นยนต์ไม่สามารถ “อินไซด์” ข้อมูลที่เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้น ๆ ได้ หรือหุ้นที่มีเจ้ามือ เงินบนหน้าตักเยอะ ๆ เข้ามาควบคุม

แต่เชื่อว่า โรบอต เทรด จะถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจไปถึงขั้นการวิเคราะห์ได้เหมือนมนุษย์ แต่จะรวดเร็วกว่ามนุษย์หลาย ๆ เท่า

ทุกวันนี้มีการคำนวณตัวเลขเกี่ยวกับวอลุ่มเทรดของโรบอต เทรด ว่าน่าจะอยู่ประมาณ 20% ของมูลค่าการซื้อขายต่อวัน

ผ่านมาถึงวันนี้ ยังไม่มีหน่วยงานที่กำกับดูแลว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

ผู้บริหารบางโบรกฯ มองว่า เป็นเรื่องของ FinTech และคุณเลี่ยงไม่ได้

แต่บางคนก็มองว่า ไม่ได้ต้องการให้เลี่ยง แต่จะต้องมีการควบคุม และต้องการปกป้องนักลงทุนรายย่อย

ส่วนเรื่องของ บล็อกเทรด เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้เกี่ยวกับการเทรดวิธีนี้กันแล้ว และก็น่าจะรับทราบแล้วว่า ได้สร้างความผันผวนต่อราคาหุ้นมากน้อยแค่ไหน

วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยบอกว่า บล็อกเทรด คืออาวุธทำลายล้างแรงสูง

นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องของ DW เข้ามาสร้างความผันผวนอีก

โดยเฉพาะในช่วงของการใกล้ปิดสัญญาของหุ้นที่ถูกอ้างอิง ราคาจะเคลื่อนไหวแบบชวนเวียนหัวอย่างมาก

Back to top button