พาราสาวะถี

น่าจะชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้านี้แน่ แต่ไม่ใช่เพราะรัฐบาลหรือคสช.ไม่พร้อมและไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของกกต.แต่เพียงผู้เดียว ฟังจากน้ำเสียงของ วิษณุ เครืองาม ที่อ้างว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการให้เลื่อน พร้อมปัดอย่าหาว่าตนชี้โพรงให้กระรอก เมืองไทยกระรอกเยอะ ยังไม่ทันได้ชี้โพรงกระรอกก็เข้ามางับ เพราะเห็นโพรงกันเองและอำนาจการตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งก็เป็นของกกต.


อรชุน

น่าจะชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้านี้แน่ แต่ไม่ใช่เพราะรัฐบาลหรือคสช.ไม่พร้อมและไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของกกต.แต่เพียงผู้เดียว ฟังจากน้ำเสียงของ วิษณุ เครืองาม ที่อ้างว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการให้เลื่อน พร้อมปัดอย่าหาว่าตนชี้โพรงให้กระรอก เมืองไทยกระรอกเยอะ ยังไม่ทันได้ชี้โพรงกระรอกก็เข้ามางับ เพราะเห็นโพรงกันเองและอำนาจการตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งก็เป็นของกกต.

สอดรับกันก็เป็นคำยืนยันจาก พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.ที่บอกว่า 24 กุมภาพันธ์ไม่ใช่วันหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่เป็นเดดไลน์ของกกต.ที่จะต้องพร้อมสำหรับการเตรียมการเลือกตั้งทั้งหมด ออกลูกนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเลื่อนกันไปครึ่งค่อนข้างแล้ว ยังมีอีกไทม์ไลน์คือการนัดหารือกับพรรคการเมืองในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ของกกต.

ความน่าสนใจที่นำมาซึ่งความไม่พร้อมของพรรคการเมือง มีอยู่ 2 ประการสำคัญ หนึ่งคือ การประกาศเขตเลือกตั้งอันเป็นหัวใจหลักของทุกพรรคการเมืองที่จะวางตัวผู้สมัคร แต่จนถึงวันนี้กกต.ยังไม่ได้ดำเนินการทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยเกินกรอบที่ควรจะเป็นคือต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนกระทั่งมีการปูดข้อมูลว่า การแบ่งเขตที่เตรียมไว้ไม่ถูกใจคนที่อยากจะชนะการเลือกตั้ง

ดังนั้น เมื่อยังประกาศเขตเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่เดดไลน์ของการต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหากจะเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์คือไม่เกินวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ หมายความว่ามีเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ที่นักการเมืองทั้งหลายจะต้องตัดสินใจ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยังมองไม่เห็นสนามเลือกตั้งว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร

อีกประการคือ การประกาศรับรองพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ จนถึงขณะนี้จะเห็นได้ว่ายังมีพรรคการเมืองที่กกต.ยังไม่ได้รับรองอีก 31 พรรค แม้ว่าจะมีการขยับกระบวนการพิจารณาให้เร็วขึ้นเท่าตัวจาก 90 วันเป็น 45 วัน แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยทั้งหมด ถ้าจะจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปเดิม กกต.คงต้องทำงานกันแบบหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้การรับรองพรรคทั้งหมดเสร็จทันตามกรอบ ซึ่งอย่างไรเสียก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

แค่เหตุผลสองประการเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไป แน่นอนว่า ผู้มีอำนาจย่อมมีข้ออ้างที่จะไปอธิบายต่อผู้สงสัยทั้งภายในและนอกประเทศว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและคณะเผด็จการ หนก่อนที่ต้องเลื่อนจากเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เพราะอภินิหารกฎหมายที่สนช.ใช้การเลื่อนบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ออกไป 90 วัน

ส่วนหนนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการขององค์กรที่กำกับ ดูแลและจัดการเลือกตั้ง ทั้งหมดมีคำอธิบาย แน่นอนว่าฝ่ายการเมือง เต็มที่ก็แค่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะอย่างไรเสีย หลังจากกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ การจัดการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันหรือไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคมปีหน้านั่นเอง

อ่านทางขาดก่อนใครเพื่อน ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่จึงประกาศตั้งแต่ไก่โห่ การนัดหารือกับพรรคการเมืองของกกต.ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้พรรคจะไม่เข้าร่วม เพราะไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ไปรับรองความชอบธรรมให้กับการหาข้ออ้างเลื่อนการเลือกตั้งของกกต. หากจะยอมรับแต่โดยดีว่ากระบวนการที่ล่าช้าเป็นเรื่องตัวเอง ก็จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กร ดังนั้น จึงต้องใช้แผนลากเอาพรรคการเมืองไปเป็นข้ออ้าง ด้วยการสะท้อนปัญหาสารพัด แล้วเป็นเหตุให้กกต.ต้องเลื่อนเลือกตั้งออกไป

จะว่าไปทุกอย่างที่ทำกันมาก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่ที่ผ่านมามันถูกกระบวนการผลิตซ้ำทางความคิด โดยทำให้เชื่อว่าการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์อย่างแน่นอน เมื่อคนเริ่มเชื่อก็จะส่งผลต่อความเชื่อถือของรัฐบาลและดีต่อการบริหารงาน แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้ทั้ง ๆ ที่รู้กันอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปัญหาจากคนอื่น ฝ่ายอื่น ไม่ใช่องคาพยพของผู้มีอำนาจแต่อย่างใด

คงไม่มีอะไรที่จะต้องไปพะว้าพะวงกันอีกแล้วสำหรับพรรคการเมือง เงื่อนเวลาที่ทอดยาวไปอีกเต็มที่คือ 2 เดือนเศษ ก็จะได้มีเวลาในการจัดเตรียมผู้สมัครให้พร้อม รวมไปถึงการกำหนดนโยบายที่หนนี้นอกจากจะต้องโดนใจประชาชนผู้หย่อนบัตรเลือกแล้ว ยังจะต้องเป็นการขยายความฝันอย่างไรที่ต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก

เรียกว่าเป็นงานยากสำหรับพรรคเกิดใหม่ แต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียวสำหรับพรรคการเมืองเดิมโดยเฉพาะสองพรรคการเมืองใหญ่ แต่อาจจะง่ายสำหรับพรรคของคณะเผด็จการ เพราะทำนโยบายกันอยู่ตลอดเวลาพร้อม ๆ กับการหาเสียงทุกจังหวะ ทุกโอกาส เพียงแต่ว่าคนที่เอาเปรียบคู่ต่อสู้นั้น พยายามปัดทุกครั้งว่า สิ่งที่ทำเพื่อแก้ปัญหาและขจัดความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ใช่การหาเสียง

เป็นการเลี่ยงบาลีแบบตาใส ในเมื่อองค์กรที่ตรวจสอบเอาผิดใส่เกียร์ว่าง พรรคการเมืองทั้งหลายก็ทำได้แค่มองตาปริบ ๆ พร้อมกับท่องคาถาทีเองข้าไม่ว่าไปวัน ๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถึงทีข้าเมื่อไหร่ เนื่องจากหากมองไปยังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ด้วยกระบวนการล็อกทุกอย่างโรยกลีบกุหลาบให้ขบวนการสืบทอดอำนาจ จึงไม่มีใครกล้าฟันธงว่า นักการเมืองและพรรคการเมืองที่เดินตามเส้นทางประชาธิปไตย จะกลับเข้าสู่อำนาจกันอย่างไร

อย่างไรก็ตาม จากกลไกของกฎหมายที่วางกันไว้ของเนติบริกรฝ่ายเผด็จการ จากที่คิดว่าเอาอยู่ อุดทุกช่องทางที่พรรคของระบอบทักษิณจะกลับมาชนะการเลือกตั้งอย่างใส ๆ แต่ทำไปทำมาการแตกพรรคเล็กพรรคน้อย โดยเห็นหน้าค่าตาของคนที่ไปนั่งในแต่ละพรรค ทำให้ฝ่ายถือหางเผด็จการออกอาการหวาดหวั่นกันเลยทีเดียว ถึงขั้นบอกว่าอย่าประมาทที่ ทักษิณ ชินวัตร บอกว่าจะกวาดส.ส.ถึง 300 ที่นั่ง

อาการประหวั่นพรั่นพรึงจับไต๋ได้จากวาทกรรม “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” เริ่มที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ตามขยี้ซ้ำโดย สุริยะใส กตะศิลา ถ้าหากนี่คือความกลัวของแนวร่วมเผด็จการ ก็ย่อมเป็นสัญญาณที่ว่าคนกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็น่าจะมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ด้วยเหตุนี้การเลื่อนเลือกตั้งนอกจากเหตุผลสองประการที่บอกไปก่อนหน้า วิชาแตกพรรคของทักษิณอาจเป็นเรื่องหลักที่ทำให้เนติบริกรทั้งหลายแนะนำให้ยืดเวลาหย่อนบัตรออกไป เพื่อการแก้เกมสกัดนายใหญ่กันก่อน

Back to top button