ซื้ออนาคต?

*ก่อนอื่นต้องขอยอมรับโดยดุษณีว่า บางครั้ง “โมนิก้า” มีอารมณ์ไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังนักเล่นมีกระบวนการทางความคิดแปลก ๆ กับหุ้นบางตัว จนทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างไร้เหตุผล และมักลงเอยด้วยคำในลักษณะ “จบแต่เจ็บ” ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงที่นักเล่นหลายรายได้เคยลิ้มรส แต่ยังมีความกระสันที่อยากจะขอลองดูอีกครั้งนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนอื่นต้องขอยอมรับโดยดุษณีว่า บางครั้ง “โมนิก้า” มีอารมณ์ไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังนักเล่นมีกระบวนการทางความคิดแปลก ๆ กับหุ้นบางตัว จนทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างไร้เหตุผล และมักลงเอยด้วยคำในลักษณะ “จบแต่เจ็บ”  ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงที่นักเล่นหลายรายได้เคยลิ้มรส แต่ยังมีความกระสันที่อยากจะขอลองดูอีกครั้งนะจะบอกให้

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ดัชนีแกว่งไปแกว่งมาแบบไร้ทิศทาง เพราะเมื่อใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นตัวพิจารณา ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเป็นตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น แต่พอใช้เรื่องอารมณ์มาเป็นตัวชี้วัดการลงทุน ผู้เล่นกลับมีอาการคล้อยตามกันเป็นแถว “โมนิก้า” จึงต้องออกมาย้ำหัวหมุดเรื่องการซื้ออนาคตหุ้นด้วยการให้แวลูค่อนข้างสูงในเวลานี้ มันใช้ได้กับหุ้นบางตัวที่เริ่ดสะแมนแตนจริง ๆ นะออเจ้า!

*ด้วยเหตุนี้อย่าถามถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนียืนปิดที่ 1,652.30 จุด ลบไป 7.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.48 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นเกมต่อสู้กันระหว่าง “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” และที่ผ่านมาก็ ผลัดกันแพ้..ผลัดกันชนะ มาแล้วหลายรอบ (บางครั้งก็ช่วยกันทุบ ช่วยกันดันก็เยอะ) “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นสนใจเฉพาะหุ้นที่กระชากขึ้นแรงแบบไม่ทันตั้งตัว เพื่อทำให้นักเล่นได้เห็นถึง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ไงละค่ะ

*เหมือนกับการวิ่งขึ้นของหุ้นปูนใหญ่ SCC มาปิดที่ระดับ 440 บาท บวกไป 4 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.50 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการให้ราคาสูงเกินความเป็นจริงไปหน่อย แถมเมื่อมองจากสภาพตลาดควบคู่กับผลงานที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ย่อมทำให้เดี๊ยนเกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะอีกครั้ง เพราะไม่รู้นักเล่นเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัดในการเคาะขวานะซี

*ผิดกับในรายของ MTC มีสตอรี่เกี่ยวกับการเติบโตเยอะแยะมากมาย จึงกลายเป็นหุ้นที่นักเล่นเข้าตะลุยแบบไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ 50.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 757 ล้านบาท ยังเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปยอดเดิมที่บริเวณ 55 บาท เพราะองค์ประกอบหลายอย่างมันเอื้อให้เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ NUSA ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 0.48 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 11.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82 ล้านบาท ล้วนมาจากข่าวบุ๊กกำไรพิเศษจากการขายหุ้น WEH เป็นมูลค่าสูงถึง 886 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบันทึกในไตรมาส 4 จำนวนทั้งสิ้น 400 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเริ่มคิดแล้วว่า เวลานี้หุ้นเด้งรับข่าวเยอะหรือยัง?..เดี๋ยวจะหาว่า คนสวยไม่เตือน..อิอิอิ

*คล้ายกับการวิ่งอย่างไม่มีเหตุผลของหุ้น TASCO ยังคงเป็นเรื่องที่น่าคิดมากเหมือนเดิม หลังเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ผลงานไม่เข้าเป้า! บวกกับสตอรี่ไม่เด่นเหมือนเมื่อก่อน เหตุไฉนถึงมีการไล่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 15.70 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 351 ล้านบาทอย่างเมามัน  เดี๊ยนถึงอยากให้ผู้รู้ช่วยออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นสักนิดหนึ่งเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงประเด็นนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องย้อนมองมาที่หุ้น JMT เพื่อชี้ให้เห็นว่า นักเล่นที่เข้ามาตะลุมบอนซื้ออนาคตหุ้นตัวนี้มากจริง ๆ เพราะตัวเลขกำไรที่ออกมาก็ไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ราคาหุ้นกลับวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.20 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาท น่าจะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังจะมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AAV กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.14 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 366 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่เมกเซนส์เอาเสียเลยในภาวการณ์ลงทุนแบบนี้ ยิ่งเห็นตัวเลขไตรมาส 3 ขาดทุนบานเบอะด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกิดอาการหวาดหวั่นมากขึ้นเป็นกอง จึงขอแนะนำให้แฟนคลับคิดให้ดีก่อนกระโจนเข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตานะคะ

*ส่วนรายที่พิลึกพิลั่นชนิดที่ทำให้นักเล่นงงสุด ๆ “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปยังน้องแอ่นแอ๊น ANAN เพราะเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า ตัวเลขกำไรก็ออกมาดี ไม่มีอะไรขี้ริ้วขี้เหร่ แต่นักเล่นกลับสาดหุ้นไม่ยั้งมือ จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 4 บาท ลบไป 0.36 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 193 ล้านบาท มันทำให้สถานการณ์หลายอย่างอึมครึมไปหมดทุกด้านเลยทีเดียว เพราะไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับการทิ้งหุ้นในครั้งนี้นะซี

Back to top button