พาราสาวะถี

เลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ไม่รู้ แต่บรรดานักการเมืองต่างพากันเปิดตัว ย้ายพรรคกันอุตลุด วันอาทิตย์นี้รอดูว่ากลุ่มสามมิตร ที่แกนนำอย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน จะนำเด็กในคาถาเข้าคอกพลังประชารัฐ จะเป็นไปอย่างราคาคุยที่โฆษกของกลุ่มโพนทะนาไว้ก่อนหน้าหรือไม่ว่า จะมีอดีตส.ส.ดาวฤกษ์ไม่น้อยกว่า 50 คนไปสร้างเซอร์ไพรส์


อรชุน

เลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ไม่รู้ แต่บรรดานักการเมืองต่างพากันเปิดตัว ย้ายพรรคกันอุตลุด วันอาทิตย์นี้รอดูว่ากลุ่มสามมิตร ที่แกนนำอย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน จะนำเด็กในคาถาเข้าคอกพลังประชารัฐ จะเป็นไปอย่างราคาคุยที่โฆษกของกลุ่มโพนทะนาไว้ก่อนหน้าหรือไม่ว่า จะมีอดีตส.ส.ดาวฤกษ์ไม่น้อยกว่า 50 คนไปสร้างเซอร์ไพรส์

เพราะตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมาในการเปิดรับสมัครสมาชิก ยังไร้บิ๊กเนมที่เรียกเสียงฮือฮา ถ้าสามมิตรไปแล้วมีของดีจริง ก็พอที่จะดีดลูกคิดนับตัวเลขกันยาวไปถึงการโหวตเลือก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมานั่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกกระทอกได้แบบสบาย ๆ แต่ถ้ากลายเป็นพวกอดีตส.ส.เกรดบีเกรดซี แสดงว่าที่ผ่านมามีแค่ราคาคุยและเป็นการเคาะกะลาสร้างมูลค่า ปั่นราคา ให้กับกลุ่มตัวเองเสียมากกว่า

ส่วนฟากของพรรคเพื่อไทย บรรดาขาใหญ่ก็ทยอยลาออกไปฝากผีฝากไข้ไว้กับไทยรักษาชาติหรือทษช. ล่าสุด ก็เป็น พิชัย นริพทะพันธุ์ กับ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ที่หนีบเอา “น้องเดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.รุ่นใหม่ไฟแรงของพรรคนายใหญ่ไปด้วย นอกจากนั้นยังมีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเอกชนและอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ไปสมัครเป็นสมาชิกเช่นกัน

คงไม่แปลกกับพรรคที่ถูกเรียกว่าเป็นสาขาสองของนายใหญ่ รวมไปถึงเสียงวิจารณ์กับความไม่สบายใจที่จะต้องมาอยู่ภายใต้การบัญชาเกมของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ งานนี้ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน พรรคใหญ่ไล่เก็บส.ส.เขตให้เป็นกอบเป็นกำ ส่วนทษช.ก็ไล่กวาดคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้ทุกคะแนนเสียงตกน้ำ ทุกอย่างว่ากันตามสิ่งที่เนติบริกรคณะเผด็จการวางเงื่อนไขไว้ทั้งสิ้น

แต่สิ่งที่ยังไม่จางหายไปคงเป็นประเด็น แกนนำของเพื่อไทยและทษช.บินไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ที่จะโฉบมาสิงคโปร์สัปดาห์หน้า ตามข่าวว่าเพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรค รับลูกทันทีทันใดก็เป็นกกต.ที่บอกว่าถ้าจริงก็ต้องตรวจสอบและตักเตือน ทว่าคงไม่มีใครบ้าที่จะปล่อยให้มีหลักฐานมาเอาผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ นอกจากจะไม่เสียหายอะไรแล้ว ยังดีที่มีคนช่วยโหมประโคมข่าวให้เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น

ขณะที่ปมเลื่อนวันเลือกตั้ง อิทธิพล บุญประคอง ประธานกกต.ยืนยันหนักแน่น “ไม่มีชนวนหรือปัจจัยใดที่จะให้เกิดเลื่อนเลือกตั้ง” ความเห็นส่วนตัวยังอยู่บนสมมติฐานเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ทุกอย่างจะยังคงเป็นไปตามกฎหมาย เรื่องการประกาศเขตเลือกตั้งก็ไม่ใช่สาเหตุสำคัญ ที่ล่าช้าเป็นเพราะปัญหาสุขภาพของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น

อีกสัญญาณที่ประธานกกต.ส่งมาคือ หลังการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองสามารถเดินหน้าสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทันที โดยไม่ต้องรอการประชุมกกต.กับพรรคการเมืองในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ นั่นหมายความว่า อีกไม่กี่วันเราก็จะได้เห็นเขตเลือกตั้งกันแล้ว และนั่นยิ่งจะทำให้ภาพของตัวผู้สมัครในแต่ละพรรคชัดเจนตามมาด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คงจะต้องเชื่อกันเสียแล้วกระมังว่าเลือกตั้งไม่มีวันเลื่อนแน่ ๆ กับลีลาดุ ๆ ล่าสุดของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ว่า คสช.จะตุกติกเพื่อหาเหตุให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป โดยเจ้าตัวถึงกับของขึ้นบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน “พูดอย่างนั้นได้อย่างไร คสช.จะตุกติกได้อย่างไร เพราะวางโรดแมปมานานแล้ว ถ้าพูดแบบนี้มาชกกันดีกว่า”

ประสาลูกผู้ชายถ้าหาข้อสรุปกันไม่ได้และถามหาเรื่องแบบนี้ก็มาดวลกันแบบตัวต่อตัวให้รู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า แต่ประเทศชาติมันทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะทุกการขับเคลื่อนมันหมายถึงความเชื่อมั่นที่นานาอารยะประเทศจะมีต่อประเทศไทย นั่นจึงเป็นสิ่งที่นักการเมือง และพรรคการเมืองทั้งหลายพยายามส่งเสียงบอกคณะเผด็จการว่าถ้าจะมีเหตุให้เลื่อนการเลือกตั้งก็ยอมรับกันมาแบบแมน ๆ อย่าเล่นเป็นอีแอบแล้วโยนให้เป็นเรื่องของคนโน้นทีฝ่ายนั้นที

จากที่ประธานกกต.อุตส่าห์การันตีเสียดิบดี ไร้เงื่อนไขไม่มีปัจจัยที่จะเลื่อนหย่อนบัตร แต่ปรากฏว่าอดีตกกต.อย่าง สมชัย ศรีสุทธิยากร รักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อดีตกกต.ส่งข้อความในกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ด่วน! กลุ่มพรรคการเมือง นัดแถลงข่าวและยื่นหนังสือถึงกกต. 22 พฤศจิกายนนี้ ขอเลื่อนการเลือกตั้งเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม 62 แทน

พร้อม ๆ กับระบุแกนนำในความเคลื่อนไหวดังกล่าวคือ สาธุ อนุโมทามิ หน้าพรรคพลังไทยดี ก่อนที่คนดังกล่าวจะยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงด้วยเหตุผล ไม่ได้ต้องการที่จะยื้อการเลือกตั้ง เพราะหากเลื่อนก็จะเลื่อนออกไปอีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น และในเวลา 2 เดือนนี้ก็จะเป็นช่วงเวลาที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เตรียมตัวลงเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้มีพรรคการเมืองเห็นด้วยกับการเสนอเลื่อนการเลือกตั้งแล้วประมาณ 10 พรรค

นี่ไงที่ วิษณุ เครืองาม เพิ่งบอกไปเมื่อวันวานว่าไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอก แต่กระรอกรู้ดีมีเยอะ ถ้าเป็นรูปแบบนี้คงต้องวัดใจทางกกต.แล้วว่าจะยินยอมตามที่พรรคเหล่านี้ร้องขอหรือไม่ และมีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่หรือพรรคส่วนใหญ่สนับสนุนแนวทางดังกล่าว ซึ่งคงจะมีคำถามตามมาอีกว่า ถ้าเลื่อนออกไปใครที่ไม่พร้อมกันแน่และใครที่ได้ประโยชน์

พอเห็นแนวทางเช่นนี้ก็คงจะเห็นแนวโน้มแล้วว่า ถนนสายเลือกตั้งนั้นจะเป็นอย่างไร จะว่าไปการขยับเวลาออกไปอยู่ในกรอบ 150 วัน คงจะไม่สร้างปัญหาให้กับทุกพรรคการเมือง แม้ว่าพรรคน้องใหม่อย่างอนาคตใหม่จะบอกว่าตัวเองได้ประโยชน์แต่ไม่ขอรับ เนื่องจากเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่อยากมีรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประเทศกันแล้ว

กระนั้นก็ตาม พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ จากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ก็สะกิดเตือนว่า พรรคทั้งหลายไม่ควรกังวลเรื่องเวลาที่ขยับออกไป แต่ควรที่จะใส่ใจกับกระบวนการจัดการเลือกตั้งของกกต.มากกว่า จะทำให้ดำเนินไปในลักษณะที่เสรีและเป็นธรรมได้หรือไม่ หากทำไม่ได้นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะส่งผลต่อความเชื่อถือเชื่อมั่นหลังการเลือกตั้ง และไม่แน่ใจว่าภาพหลังจากนั้นประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางใด

Back to top button