BGRIM ปิดเช้าย่อ 2.88% โบรกฯแนะ “ซื้อ” สบจังหวะต้นทุนลด เคาะเป้าหนัก 39 บาท!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 26 บาท ปรับตัวลดลง 0.75 บาท หรือ 2.80% สูงสุดที่ระดับ 27 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 108.97 ล้านบาท

โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” BGRIM ราคาเป้าหมาย 39 บาท/หุ้น หลังประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 795 ล้านบาท (270% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ดีกว่าคาดราว 10% อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติอยู่ที่ 423 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาดไว้

ทั้งนี้กำไรปกติลดลง 23% จากไตรมาสก่อนมาจากค่าก๊าซที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นบีบให้ GPM ลดลง 310bps ในขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นระหว่างปีราว 162MW (เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ด้านไตรมาส 4/2561 คาดกำไรปกติลดลงจากไตรมาสก่อน หลังเข้าสู่ช่วง Low season และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2561 ที่ 1.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน)

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 39.00 บาท อิงวิธี DCF (WACC = 5.5%, no terminal growth) โดย BGRIM ยังคงเป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ด้วยการเติบโตที่มั่นคงกว่า 40% ต่อปี CAGR (อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี) 2560-2565 หนุนโดยโรงไฟฟ้าที่มี PPA รองรับกำลังการผลิตตามสัดส่วนรวมอีกกว่า 1.1 GW (+96% จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน) ที่จะทยอย COD ในอนาคต มองราคาระดับปัจจุบันหุ้น Under value ค่อนข้างมากและเป็นจังหวะให้เข้าซื้อสะสม

 

ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท/หุ้น หลัง บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 795 ลบ. เพิ่มขึ้น 39.75% จากปีก่อน และ 269% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มไตรมาส 3/2561 ของ 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ ABPR3 และ ABPR4 รวมขนาดกำลังการผลิต 266 MW อย่างไรก็ตาม หากมองอัตรากำไรสุทธิที่ 7.7% ลดลงจาก 12.2% จากปีก่อน เป็นผลมาจากค่า Ft. ไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ มองกำไรทั้งปี 61 ไว้ที่ 2,889 ลบ. เติบโต 36% จาการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า ABRP5 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รวมขนาดกำลังการผลิต 180 MW อีกทั้งทางฝ่ายมองอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติที่ราว 10-12% อีกครั้งในปี 62 หลัง กกพ. ประกาศขึ้นค่า Ft. 4.39 สตางค์ต่อหน่วยไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 61 มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค. 62 ถึง เม.ย. 62

ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 62 ที่ 34.50 บ./หุ้น โดยหลักมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ 22.97 บ./หุ้น และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอีก 11.56 บ./หุ้น

 

ขณะเดียวกัน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” BGRIM ราคาเป้าหมาย 34 บาท/หุ้น หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 795 ล้านบาท เพิ่ม 269.1% จากไตรมาสก่อน, 39.7% จากปีก่อน ไม่รวมรายการพิเศษส่วนใหญ่ FX Gain กำไรจากการซื้อกิจการโรงไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายพิเศษไม่ประจำอื่นๆ กำไรปกติที่ 423 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ลดลง 38.6% จากไตรมาสก่อน, 18.8% จากปีก่อน จากต้นทุนค่าก๊าซเพิ่มตามราคาก๊าซเฉลี่ยเพิ่ม 6% จากไตรมาสก่อน ชดเชยรายได้เพิ่มจากโรงไฟฟ้าใหม่ทยอย COD และการซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 100% ในโรงไฟฟ้า BGYSP รวมทั้งค่าใช้จ่ายการเงินเพิ่ม

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติทั้งปีโต 31.8% จากโรงไฟฟ้าใหม่ๆ   รวมทั้งโรงไฟฟ้า ABP5 (133 MW ถือหุ้น 55%) ที่เริ่ม COD เมื่อต้นต.ค. ที่ผ่านมา และโครงการ Solar ราชการ 31 MW ในปลายปี ทั้งนี้ กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 รวม 1.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน ขณะที่กำไรปกติ 1.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% จากปีก่อน และเป็นสัดส่วน 71% ของคาดทั้งปี

ขณะที่ คงมองแนวโน้มการทำกำไรในช่วง 3 ปีโตดี 27% ต่อปี (CAGR) และยังมีศักยภาพการได้กำลังผลิตเพิ่มอีกจากโครงการในต่างประเทศ หลังจากการร่วมทุน 2 โครงการในเวียดนามที่เพิ่ม Equity capacity ราว 360MW คงคำแนะนำ ซื้อสะสม ราคาเป้าหมายปรับใช้ปี 2562 ที่ 34 บาท

ทั้งนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากความล่าช้าของโครงการใหม่ การพึงพิงลูกค้าอุตสาหกรรมการไม่ได้ต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP คือ ABP1, ABP2, และ BPLC1 . ซึ่งยังรอการพิจารณาจาก กพช. โดยอาจมีการเปลี่ยนรูปแบบการต่ออายุสัญญาจากเดิม SPP Replacement 25 ปี เป็น SPP Extension 3 หรือ 10 ปี