SISB เทรดวันแรกลุ้นวิ่งแตะ 7 บ. โบรกฯชูหุ้นเติบโตสูง รายได้มั่นคงดันกำไรพุ่งกระฉูด!

SISB เทรดวันแรกลุ้นวิ่งแตะ  บ. โบรกฯชูหุ้นเติบโตสูง รายได้มั่นคงดันกำไรพุ่งกระฉูด!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (29 พ.ย.) บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นวันแรก โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 940 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 470 ล้านบาท โดยบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.20 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับ SISB เป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ประเภทโรงเรียนนานาชาติ และให้บริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

โดย นาย ยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SISB เปิดเผยว่า หุ้นของ SISB พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้  มั่นใจว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งมีผู้บริหาร และทีมงานมีประสบการณ์ด้านการจัดการธุรกิจการศึกษากว่า 17 ปี  รวมทั้งเป็นผู้นำหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศสิงคโปร์ติดอันดับ TOP 5 ของโลกเข้ามาใช้เป็นหลักสูตรในไทยรายแรก

สำหรับผลการดำเนินงาน ล่าสุดงวด 9 เดือนของปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 71.54 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรสูงสุดรอบ 3 ปี (2558-60) โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.43 ล้านบาท ปี 2559  มีกำไรสุทธิ 69.83 ล้านบาท และ ปี 2560  มีกำไรสุทธิ 17.92 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุที่กำไรปี 2560 ลดลงส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมและภาระดอกเบี้ย

ที่ผ่านมา SISB มีรายได้โตสม่ำเสมอ เฉลี่ยสูงถึง 20% ต่อปี ล่าสุด 9 เดือนของปีนี้มีรายได้รวม 690 ล้านบาท และมีรายได้รอรับรู้ในมืออีกประมาณ 636 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมในการศึกษา ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยประมาณ 250 คนต่อปี มีค่าธรรมเนียมการศึกษาเฉลี่ยต่ออยู่ที่ 4 แสนบาทต่อปีต่อคน จึงทำให้ SISB มีรายประจำสม่ำเสมอต่อเนื่อง หรือ Recurring Income อย่างแท้จริง”

สำหรับแนวโน้มธุรกิจการศึกษาอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งจำนวนโรงเรียนนานาชาติในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 6-8% ปัจจุบันอยู่ที่ 182 แห่ง ขณะที่จำนวนนักเรียนในระบบโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเชื่อว่าธุรกิจโรงเรียนนานาชาติยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

ส่วน นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB  มั่นใจว่าหุ้น SISB จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนมีความเข้าใจในลักษณะธุรกิจ และโครงสร้างรายได้ที่มีความสม่ำเสมอไม่ผันผวนของธุรกิจโรงเรียนมากขึ้น 

วมทั้งบริษัทฯ มีโอกาสเติบได้โตอีกมาก เพราะจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินไปชำระคืนหนี้ซึ่งจะประหยัดภาระดอกจ่ายปีละประมาณ 30 ล้านบาท และจะทำให้ SISB เป็นบริษัทฯที่ปลอดหนี้ หรือ Debt Free   ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ยลดลงเหลือต่ำกว่า 0.5 เท่า จากเดิม 2.97 เท่า  ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความมั่นคง และแข็งแรงมากขึ้น

 “เมื่อดูฐานะการเงิน SISIB จะเห็นว่าเมีความแข็งแกร่ง  มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเกือบ 40% ล่าสุดผลประกอบการในงวด 9 เดือนปี 2561อยู่ที่ระดับ 38.79% ด้วยการเติบโตของจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้น เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คงที่ ขณะที่ EBITDA สามารถเติบโตได้ทุกๆ ปี โดย 9 เดือนอยู่ที่ 187.69 ล้านบาท และหลังไอพีโอ ภาระดอกเบี้ยจะลดลง จะทำให้กำไรสุทธิปรับตัวขึ้น ถือเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติเป็น Growth Stock ของจริง ”

นอกจากนี้ การมีฐานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้เข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำ สามารถนำมาต่อยอดและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย และมีศักยภาพในการรับนักเรียนเพิ่มได้มากถึง 4,000 คน ภายใน 3-5 ปี  จากปัจจุบันที่มีนักเรียนทั้งกลุ่มอยู่ประมาณ 2,334 คน จะเห็นว่า SISB มีความพร้อมในด้านเงินทุน ที่จะพัฒนาการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในอนาคต

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ และประเมินราคาเป้าหมายหุ้น SISB ที่ 8.84 บาท ด้วยวิธี DCF (FSS เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SISB)

โดยคาดว่า SISB อยู่ใน Growth Stage เนื่องจากการลงทุนครั้งใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวกำไร เนื่องจากลักษณะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นคงที่/กึ่งคงที่ทำให้ธุรกิจมี Operating Leverage  ซึ่งคาดว่า SISB จะมีการเติบโตของกำไรในปี 2562-2564 ที่ราว 51% ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1.การเติบโตของรายได้ 2. Efficiency ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนการให้บริการทางการศึกษา และ 3.คาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมายหุ้น SISB ที่ 7.70 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี DCF (WACC 8.83%, L-T Growth 2%) คิดเป็น implied PER ที่ 43.6 เท่า และ PEG ที่ 0.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โรงเรียนนานาชาติในอาเซียน เนื่องจาก

ทั้งนี้ SISB มีความโดดเด่นทางด้านหลักสูตรและความคุ้มของราคา ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม และกำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 42%CAGR ในปี 2562 – 2564 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักเรียนและอัตราค่าธรรมเนียมทางการศึกษา

ประกอบกับ Economy of Scales จากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น และมีความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ EBITDA margin ดีขึ้นจาก 27.6% ในปี 2562 เป็น 29.8% ในปี 2564

สำหรับปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงเรียนนานาชาติและได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลทั้ง 45 แห่ง มีเพียง 3 แห่งที่ใช้หลักสูตรการสอนของประเทศสิงคโปร์ โดย SISB เป็น 1 ใน 3 แห่ง ซึ่งมีหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาจีนและอังกฤษ รวมทั้งมีการนำหลักสูตรอื่นมาปรับใช้ เช่น หลักสูตร IGCSE, AS/A level จาก UK สำหรับระดับมัธยมศึกษา

นอกจากนี้ SISB ยังคำนึงถึงการกำหนดอัตราค่าเรียนที่คุ้มค่า และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ คาดการเพิ่ม facilities รองรับการเรียนระดับมัธยม ทำให้ในปี 2561-2563 จำนวนนักเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10%CAGR ในปี 2561-2563 และมีรายได้ค่าธรรมเนียมทางการศึกษาเติบโต 19%CAGR

ทั้งนี้ในปี 2561 คาดกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท (โต 397% เทียบจากปีก่อน) เติบโตก้าวกระโดดจากปี 2560 เนื่องจากปี 2560 มีต้นทุนจากการลงทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับคาดว่าจำนวนนักเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากเปิดสาขาธนบุรีและสาขาเอกมัย

ส่วนปี 2562-2564 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อปีราว 42%CAGR มีปัจจัยบวกจากรายได้ค่าธรรมเนียมทางการศึกษาและบริการเติบโตต่อปี เพิ่มขึ้น 15% ตามจำนวนนักเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยเฉพาะนักเรียนระดับมัธยมคาดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

รวมทั้งได้ประโยชน์ Economy of scales จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ Gross margin จะดีขึ้นจาก 38.5% ในปี 2561 เป็น 42.5% ในปี 2564 และสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวม คาดว่าลดลงจาก 25.7% ในปี 2561 เหลือ 24.4% ในปี 2564 จากรายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง และมีการบริหารใช้จ่ายที่ดี

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมาย SISB ที่ 7.50 บาทต่อหุ้น โดยSISB ให้บริการการศึกษาหลักสูตรนานาชาติที่ได้รับมาตรฐานสากลภายใต้สถานศึกษา 5 แห่ง ตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลจนถึง ม.6 บนความแตกต่างด้วยการเรียนการสอน 3 ภาษา (อังกฤษ, จีน, ไทย)

ขณะที่ราคาถือว่าสมเหตุสมผลทำให้มีนักเรียนเข้าเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 17% ต่อปี และด้วยภาวะอุตสาหกรรมที่เอื้ออำนวยและความพร้อมของ Capacity ที่ทางบริษัทได้ขยายเพิ่มเติม ซึ่ง Earnings growth จะมาจากจำนวนนักเรียนที่คาดเพิ่มขึ้นราว 8% ต่อปี

พร้อมกับ GPM ที่ดีหลังผ่าน Major investment ในการขยาย Campus ไปแล้ว (Economy of scale ที่ดีขึ้น) ส่งผลให้ผลประกอบการระยะยาวคาดเติบโตโดดเด่น 42% CAGR ในปี 2561-2564

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ราคาหุ้น SISB เข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก (29 พ.ย.) มีแนวโน้มแตะ 7 บาท ซึ่งปรับตัวขึ้นจากราคา IPO ที่ระดับ 5.20 บาท แม้ว่าช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นของหลักทรัพย์ที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก จะปรับตัวขึ้นไม่มากนัก และยังอยู่ในช่วงตลาดผันผวน แต่เชื่อมั่นว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับบริษัทมีรายได้ที่ค่อยข้างมั่นคง และมีแนวโน้วกำไรจะเติบโตต่อเนื่องทุกปี ตามจำนวนนักเรียนเข้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขาของโรงเรียนเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

Back to top button